“ผมทำงานด้านศิลปะ ดูคาติเป็นเหมือนศิลปะเคลื่อนที่ได้” พี่แอ่ว RBJ

การเดินทางบนสองล้อของแต่ละท่านไม่มีวันซ้ำกัน แม้แต่ละท่านจะรักในมอเตอร์ไซค์แบรนด์ดูคาติเหมือน ๆ กัน แต่สิ่งที่น่าสนใจนั้นคือ จุดเริ่มต้นแห่งความรักในมอเตอร์ไซค์ของแต่ละท่านนั้นมีมุมมองที่น่าศึกษาและเก็บเกี่ยวข้อมูลเป็นความรู้ไว้ประดับตัวอย่างมากครับ ดั่งพี่คนนึงที่ทำตามความฝันในวัยเด็กในการหาดูคาติมาครอบครองไว้สักคัน มองรถตนเองผ่านหลังเลนส์กล้องสร้างศิลปะและเติมความฝันให้งดงาม คุณวราณ สุวรรณโณ RBJ หรือที่ใครหลายเรียกพี่เค้าว่า “พี่แอ่ว” ช่างภาพใหญ่แห่ง PixprosHouse ครับ

ทำไมถึงสนใจมอเตอร์ไซค์ แล้วทำไม”ต้องดูคาติ”?

โดยส่วนตัวเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์มานานแล้วครับตั้งแต่อายุ 14  และศึกษาอย่างจริงจังด้วยตั้งแต่สมัยตัว 2 จังหวะครับ โดยรุ่นที่ประทับใจกับดูคาติคันแรกเลยนั่นคือ รุ่น 916 ลงหนังสือวัฎจักรมอเตอร์ไซค์เคิลเห็นแล้วชอบมากเรียกว่ากรี๊ดได้เลย แต่ด้วยความที่ยังเด็กอยู่ก็ได้แต่ฝันไว้ เราดูแล้วก็เฮ้ย รถมันเป็นโปรอาร์มนะ มันเห็นล้อหลังลอยออกมา ท่อมันไปอยู่ที่ท้ายนะ ดีไซน์สวยมาก ๆ

จนมีครั้งนึงประสบอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซค์ เลยถูกที่บ้านห้ามไม่ให้ขี่อีกครับ ผ่านวันเวลามา 20 ปี จนรู้สึกได้ว่ามีวุฒิภาวะ คือแก่ขึ้น(ฮา) ที่บ้านเลยไม่ห้ามแล้ว เราเลยรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เราจะเติมเต็มความฝันของเราแล้ว เพราะเรายังรักมันมาก ต้องบอกว่าสมัยก่อนชอบรถสองล้อจริงจังขนาดทำรถลงแข่ง ฝาสูบปาดเอง ขัดพอร์ทเอง ทำรถแข่ง อ่านหนังสืออของพี่ธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา บ้าง เอากระดาษแข็งมาตัดท่อไอเสีย คำนวณไอดีเข้า ไอเสียออก คำนวณไฟ นมหนู จูนน้ำมัน คือ คลั่งอยู่จุดนึง จนตัวเองล้ม นอนโรงพยาบาลเป็นเดือนจึงหยุดเลย ที่บ้านไม่ให้แล้ว

จนมารู้จักกับดูคาติอีกทีรุ่นแรกคือ ไฮเปอร์โมตาร์ด 821 เป็นงานตอนเปิดตัวประกอบไทย โดยตอนนั้นคิดว่าเราอยากจะเล่นมอเตอร์ไซค์แล้วนะ และเราก็อยากเอาทีเดียวให้โดนยี่ห้อในฝันของเราเลย แต่ในตอนนั้น รถรุ่นที่ชอบจริงๆ คือ ดูคาติ สตรีทไฟเตอร์ แต่ความที่ไม่ได้ขี่รถมานาน แล้วราคาเกือบล้าน เราเลยคิดเยอะหน่อย เลยเริ่มจาก 821 เพราะราคาโอเค รูปทรงก็ดีด้วย เป็นโปรอาร์ม โดยซื้อมาใช้ตั้งแต่ปี 2014

หลังจากนั้น ก็ต้องกลับไปเรียนขับขี่ ลงสนามซ้อม เพื่อเรียกความมั่นใจในการขับขี่กลับคืนมา ซึ่งจริง ๆ สำหรับดูคาตินั้น ผมรักมันในเรื่องของดีไซน์ครับ และยิ่งเราทำงานเกี่ยวกับศิลปะด้วยยิ่งทำให้ชอบในรายละเอียดของตัวรถครับ คือถึงจุดนึงมอเตอร์ไซค์สำหรับผมมันเป็น Passion (แรงบัลดาลใจ) มันไม่ได้เอามาขี่เป็นอาชีพ มันเหมือนเป็นงานศิลปะที่วิ่งได้ จอดอยู่หน้าบ้านแล้วเรารู้สึกดี ว่างเราก็ขี่มันไปพักผ่อน จอดถ่ายรูปเล่นเรารู้สึกว่ามันแฮ้ปปี้แล้ว เราชอบเส้นสาย เราชอบมันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ว่าแบบนี้ดีกว่า เพราะผมไม่ได้ชอบบิ๊กไบค์เพราะกระแส เลือกเอาตามที่ตัวเองต้องการเลยดีกว่า

พอเริ่มขี่คล่องมั่นใจแล้วก็เริ่มทำตามความฝันตัวเอง โดยคันที่2 คือ 899 พานิกาเล่ ซึ่งตอนแรกนั้นมีความพยายามอย่างมากที่จะลอง 1199 พานิกาเล่ ถึง 3 ครั้ง ซึ่งมันร้อนมาก(หัวเราะ) ซึ่งสำหรับเรา เราอยากขี่มันได้ทุกวันเพราะเราชอบมัน อุตส่าห์เตรียมเงินดาวน์เรียบร้อยแล้วมันไม่ไหว ซึ่งมันน่าเสียดายมาก เพราะตอนดูงานเปิดตัวรถพานิกาเล่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น บอกกับตัวเองเลยว่า”คันนี้คือรถของเรา”(หัวเราะ) คือยังไงก็ต้องหามาครอบครองให้ได้ ซึ่งพอไปลองแล้วแบบ อื้มหืม 1199 ต้องวิ่งสัก 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแหละ ถึงจะเย็น แต่พอไปลอง 899 ปุ๊บ สรุปว่าร้อนน้อยกว่ามากเลยตัดสินใจซื้อ ซึ่งห่างจากการซื้อไฮเปอร์โมตาร์ดมา 9 เดือน

รถดูคาติมันมีเสน่ห์ของมัน คือ ถึงจุด ๆ นึงมันไม่ใช่รถที่ออกมาแล้วเปลี่ยนรุ่นไปเรื่อยๆ งานที่เค้าดีไซน์ออกมามันประณีตมากจนเรามีความรู้สึกว่าเราจะต้องปรับตัวไปกับมัน เพราะมันมีบางส่วนที่มันไม่สามารถทำให้ขี่สบายได้เหมือนยี่ห้ออื่นแต่พอเราดูแล้วมันดูดีกว่าคนอื่นดังนั้นเราต้องปรับตัว มันมีความพิเศษของมันอยู่เราแค่ค้นมันให้เจอแล้วปรับตัวเข้าหามันเท่านั้นเอง

คันถัดมาคือ สแครมเบลอ 800 เพราะอยากหารถขี่สบายๆมาลองดูบ้าง แต่พอออกมาแต่งแล้ว ตัวนี้เราไม่อิน พอเราขี่รถที่ยังไม่ใช่จุดที่เราชอบก็เลยปล่อยไป ถัดจากสแครมเบลอ ก็มาเป็นมัลติสตราด้า 2015 ออกมาพอดี เราก็ยืนดูแล้วรู้สึกว่าเราเริ่มอยากขี่เที่ยวสบายๆ เพราะแต่ก่อนเคยเอาไฮเปอร์ขี่ไปเวียงจันทร์แล้วลากกลับกรุงเทพทำให้เข้าใจว่าหน้าที่ของรถแต่ละคันมันมีฟังชันการใช้งานของมันเราจะไปฝืนก็ไม่ได้ ซึ่งพอเอาออกมาขี่ก็แฮปปี้มากมีความสุขกับรถตัวนี้มาก เพราะหลัก ๆ คือ มันสวยด้วย และยังใช้งานได้ดีมากอีกด้วย จริง ๆ ค่ายอื่นก็มีรถดี ผมก็ไปลองมันก็ดีจริงๆ แต่เราไม่มีความสุข เพราะความสุขของเราไม่ได้เกิดจากรถที่ดี แต่มันต้องสวยด้วย

 

 

เมื่อถามถึงปัญหาจุกจิกที่หลายๆคนกังวลเกี่ยวกับรถดูคาติ?

ผมอยากจะฝากไปถึงผู้ใช้รถใหม่ๆครับ คือบางครั้งปัญหาจุกจิกที่เราเจอมันอาจเกิดจากการที่เราไม่ได้ใส่ใจในรถเราทุกวัน คือผมเองเป็นคนเล่นรถมาก่อนพอเล่นรถปุ๊บ เช้าวันเสาร์ – อาทิตย์ จะล้างรถด้วยตัวเองทุกคัน เราดูหมด ล้างโซ่ เช็คลมยาง ดูความตึงโซ่ ดูซีลยาง เมื่อวานพึ่งไปลุยน้ำมา ฝุ่นควรจะไปตกตรงไหนของโช๊ค คือด้วยความเป็นคนใช้รถจริงๆ เลยคิดว่ามันโอเคถ้าเราจับอาการได้ทุกอย่าง แค่วันนึงถ้าคุณขี่รถไปแล้วรู้สึกว่ามันมีอาการแปลกไป แฮนด์ขืนสู้มือ หรือสั่นเล็กน้อย ผมจะรีบเอาเข้าศูนย์ให้ช่างเช็คเลยทันที คือบางครั้งรถจอดนานล้างรถแล้วจอดทิ้งก็มีลูกปืนคอเป็นสนิม มันเหมือนว่าถ้าเรารักรถจริงๆ เราจะรู้จักรถเราทุกคัน คือถ้าขี่ตามแฟชั่นไม่ใส่ใจรถ บางทีปัญหามันเตือนเรามาแล้วแต่เราไม่ใส่ใจแล้วปล่อยทิ้งไว้ พอทิ้งไว้นานปุ๊บ กลายเป็นอาการใหญ่แล้วก็มาโทษว่ารถไม่ดี เพราะหลายคนบอกรถคันละล้านมันต้องดี แต่อยากบอกว่ารถทุกคันมีปัญหาหมดครับถ้าเราไม่ใส่ใจ อย่างรถผมทุกคันไม่เคยมีคันไหนมีปัญหาใหญ่เลย

ขณะเดียวกันผมก็ขอตรงกลางระหว่างความสวยงามกับประสิทธิภาพด้วย ถ้าสวยอย่างเดียวแต่ขี่ไม่ออกก็ไหว อย่าง MV Agusta ก็เคยไปนั่งดู พอคิดภาพรวมแล้วน่าจะเหนื่อยเลยปล่อยผ่าน

หลังจากนั้น ก็กลับมาฝันเดิม คือ ดูคาติ สตรีทไฟเตอร์ 848 stell สีดำ ก็ไปเจอมือสอง ของเพื่อน ซึ่งเจ้าของก็ซื้อเพราะpassion เหมือนกัน 3ปี วิ่งไป 1200 กิโลเมตรเสียบแบตชาร์ทในห้องแอร์ตลอด ตอนไปเจอก็สู่ขอมาดื้อ ๆ เลย (หัวเราะ)

 

 

ตอนนี้เหลือกี่คันแล้วครับ?

ตอนนี้เหลือไม่เยอะครับ อย่างพานิกาเล่ก็ปล่อยไปแล้วเพื่อรอตัวใหม่ V4 เตรียมเงินดาวน์ไว้พร้อมเลย(หัวเราะ) ส่วนไฮเปอร์ก็มีคนสู่ขอไปแล้ว ดูแลและถนอมอย่างดีคนได้ไปแฮปปี้สุดๆ

ทำไมถึงต้องรถสีดำทุกคัน?

สีดำนี่ทำทุกคันครับ เพราะอยากเติมในสไตล์ที่ตัวเองชอบจริง ๆ โดยหลายๆคันพอออกมาสัปดาห์แรกก็ส่งไปทำสีขูดสีเดิมทิ้งเลย เพราะเคยแรปสีติดสติ๊กเกอร์แล้วมันไม่เนี๊ยบ

สายจอด ซื้อมาแล้วไม่ขี่ ใช้รถไม่คุ้มค่า พี่แอ่วมีความเห็นอย่างไรครับ?

คือเรื่องนี้เราห้ามความคิดกันไม่ได้ มันแล้วแต่คน แต่สำหรับผม ถ้าpassion เราอยู่ที่มอเตอร์ไซค์ พอเราซื้อมาเราต้องแบ่งเวลาให้ ถ้าเราปรับตัวว่า มอเตอร์ไซค์เป็นที่ชาร์ตแบทให้ตัวเราเอง วันไหนเราเหนื่อย ๆ มา กลับถึงบ้านดึก ๆ ห้าทุ่มกว่าผมก็ขี่มันออกไปคลายเครียด เคยมีบางวันพีค ๆ เครียดมาก ๆ ผมขี่วนมันทุกคันจนครบเลยก็มี(ฮา)  คือมันเป็นการพักผ่อนที่ดีมากอย่างนึง แต่ถ้าวันใดวันนึงคุณมองว่ามันเป็นภาระแล้วก็ไม่ควรเก็บไว้

ล่าสุดนี่ก็ซื้อ Monster 797  สีดำ มาอีก เพราะเราเคยอยากกได้มอนสเตอร์มานานแล้วแต่เราอยากได้มอนสเตอร์ที่ใช้เบา ๆ นิ่มๆ ในเมือง พอเราเห็นดีไซน์เฟรมที่ยาวไปถึงด้านหลังแล้วเราชอบมาก คือผมก็ไม่ใช่จะบ้าเลือดครอบครองดูคาติทุกรุ่นนะอย่างไดเวลไม่อินก็ไม่ซื้อไม่ยุ่งเลย เราไม่ได้สะสมเพื่ออวดรวยมันแล้วแต่รุ่นจริงๆ  จริงๆ ผมก็เคยอินหลายยี่ห้อครับ ทั้งบีเอ็มก็เคย แต่สุดท้ายเราชอบคันไหน ชอบดีไซน์จริงๆ ก็กลับมาหาสิ่งที่เป็นตัวเอง

 

 

โดยส่วนตัวขายรถยนต์ทิ้งด้วย ตอนนี้ไม่มีรถขับครับ วันไหนต้องใช้รถยนต์จริงๆ เรียกแท็กซี่ก็ได้ หลังสุดเคยซื้อรถ SUV มา ปีนึงวิ่งไปแค่ 2,000 กิโลเมตร แบตเตอร์รี่หมดไป 3 รอบ ประกันชั้น 1 อีกปีละ 20,000 บาท ราคาก็ตกอีก พอรวมค่าใช้จ่ายแล้วสูงมาก ถ้าไปต่างจังหวัด ผมใช้วิธีเช่าแคมรี่ดีกว่าวันละ 1500 บาท สี่วันพึ่งจะ 6,000 บาท เท่านั้น หลัง ๆ ยิ่งไม่ได้ใช้ หน้าฝนผมก็เอามัลติออกไปขี่ ฝนไม่ใช้ปัญหาเลยผมจะเตรียมเสื้อผ้าไว้2ชุด คือที่บ้านกับที่ทำงาน แต่ก่อนขับรถไปบนถนน 10 กิโลเมตรใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ทุกวันนี้ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาแค่ 15 นาที ทุกวันนี้ขับรถยนต์ไม่ได้ด้วยจะเกร็งมากเพราะมันมีเสา 2 เสา มองได้แค่ 180 องศา แต่ถ้าขี่มอเตอร์ไซค์เราหันได้ 360 องศา ขับแค่120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมันเร็วมากไม่เหมือนมอเตอร์ไซค์ ขี่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังเฉยๆ  คือกรุงเทพมันไม่ใช่เมืองของรถยนต์อีกแล้ว ผมได้เวลากลับคืนมาวันละ 3 ชั่วโมง แถมทุกครั้งที่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มันคือการชาร์ตแบตชีวิต รู้สึกสนุก เปิดเพลงฟังในหมวก อารมณ์ดีตอนเช้า ๆ ไม่เหนื่อยแฮปปี้มากเลยไม่เคยดูรถยนต์อีกเลย เรียกว่า เสพติดมาก เราเลยรู้ตัวว่าเราไม่ได้ขี่เพราะแฟชั่น เรามีPassionกับมันเราใช้มันจริงๆด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไปซิ่งนะครับ ผมเป็นคนขี่รถเร็ว แต่ที่ชุมชนผมจะระวังมากไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย

ผมจะบอกตัวเองเสมอว่าเดือนนึงต้องเข้าสนามเพื่อขี่ครั้งนึง บางทีก็เอามัลติสตราด้าไปบ้าง ไฮเปอร์ไปบ้าง การขี่ในสนามทำให้ทักษะการขับขี่โดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากครับ ไม่ใช่ว่าขี่ในสนามเร็วแล้วข้างนอกจะเร็วขึ้นกลับกันยิ่งขี่ช้าลงเพราะถนนข้างนอกมันมีหลายปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ไปถึงจุดนึง เราจะมีทักษะว่าเราจะเบรคอย่างไร จะเลี้ยวอย่างไร สภาพถนนแบบนี้เราเลี้ยวแรงไม่ได้ การอ่านไลน์ การเบรค ทุกอย่างจะควบคุมเป็นไปอัตโนมัติ มันจะสอนว่าถ้าล้มมันไม่มีทราย ไม่มีพื้นที่ให้บานโค้งนะ  หลัง ๆ เลยติดขี่ทั้งในสนามและขี่ทางไกล

 

 

อยากฝากอะไรถึงผู้ใช้รถใหม่ๆ  ที่สนใจในแบรนด์ดูคาติครับ ?

มอเตอร์ไซค์สำหรับผมไม่ใช่เครื่องบ่งบอกฐานะ ถามว่าทำไมต้องเป็นดูคาติ ผมจะตอบเสมอว่า ผมชอบเพราะมันสวย ผมชอบตั้งแต่เด็ก ๆ เราเห็นดูคาติรุ่น 916 แล้วฝังใจมานาน จริงๆ ผมก็ชอบหลายยี่ห้อนะครับแต่ที่มีดูคาติเยอะเพราะดีไซน์ของมัน และอย่างที่บอก หมั่นดูแลรักษา จับอาการรถบ่อย ๆ ไม่มีรถคันไหนสร้างปัญหาให้เราหรอกครับถ้าเรารู้จักเค้าก่อน แต่ก็เว้นถ้าเป็นดีเฟคจากโรงงานจริงๆ ค่อยว่ากัน เพราะถ้าแบบนั้นมันก็มีประกัน มีซัพพอร์ทอยู่แล้ว

 

 

และนี่คืออีกหนึ่งบทสัมภาษณ์จากตากล้องชั้นนำของเมืองไทย ที่หลงไหลในสองล้อแบรนด์ดูคาติ ทั้งเหตุผล ทั้งอารมณ์ในการเลือกซื้อรถสักคันเป็นที่ชัดเจนในบทสัมภาษณ์ครับ ว่าทำตามความฝันแล้วทุกอย่างจะออกมาดีสมกับที่เราไล่ตามเก็บความฝันมาทำให้เป็นจริง ผมเองคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ในการนำมาปรับใช้กับชีวิตการขับขี่ของแต่ละท่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฝึกซ้อมในสนาม หรือการดูแลรถดูคาติ รักในดูคาติแบบถึง ๆ ทำให้จับอาการรถได้เร็วและแก้ไขอาการต่างๆ ของรถได้ทันก่อนที่อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่นะครับ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณพี่แอ่วที่สละเวลามาให้สัมภาษณ์ด้วยนะครับ

FB : Waran Rbj Suwanno
https://www.facebook.com/pixproshouse.page/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *