A New Opera สัมผัสประสบการณ์ใหม่ไปกับ Ducati Panigale V4

กระแสของรถดูคาติในช่วงปีที่ผ่านมา และมีชาวไบเกอร์ติดตามข่าวสารเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าถามใคร ใครก็คงตอบว่าต้องเป็นรถ Panigale V4 นะครับ นั่นเพราะทางดูคาติเอง ได้ปฎิวัติใหม่ปรับโฉมเครื่องยนต์ตัวเองใหม่หมด จากเดิมที่เคยใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ หรือที่ใครๆ รู้จักกันในชื่อ L-Twin มาเป็น4สูบ ในชื่อเครื่องยนต์ใหม่ภายใต้ชื่อ DESMOSEDICI STRADALE ขนาดความจุ 1103 cc. มาพร้อมกับระบบ counter-rotating crankshaft ซึ่งโดยปกตินั้น ระบบนี้จะอยู่ในรถที่ใช้แข่งขันใน MotoGP เท่านั้น ประกอบกับ Desmodromic valves แบบ 4 วาล์วต่อสูบ ด้วย ทั้งหมดนี้จึงรีดแรงม้าออกมาได้ถึง 214 แรงม้า (157.5 กิโลวัตต์) ที่ 13,000 รอบต่อนาทีและเรียกแรงบิดสูงสุดได้ที่ 122 นิวตันเมตร (12.44 กิโลกรัม) ที่ 10,000 รอบต่อนำทีกับน้ำหนักตัวที่ไม่รวมของเหลวเพียง 174 กก. ในรุ่น S และ 175 กก. สำหรับรุ่นธรรมดา
 

ซึ่งคอนเซ็ปสำหรับเครื่องยนต์ตัวนี้ อาจทำให้ใครๆหลายคนต้องตื่นเต้นและอยากได้เป็นเจ้าของเมื่อทางดูคาติประกาศเลยว่าใช้พื้นฐานเดียวกับเครื่องยนต์ที่ใช้แข่งขันในรายการ MotoGP ดังเช่นตัวเลขเส้นผ่านศูนย์กลางลูกสูบที่มีขนาด 81 มิลลิเมตรเท่ากันกับมาตรฐานตัวเลขความใหญ่ของลูกสูบที่สามารถลงทำการแข่งขันในรายการMotoGPได้ เพื่อไม่ให้รอบจัดจนเกินไป

สำหรับรถ PANIGELE V4 ในไทยนั้น เริ่มเปิดให้ลูกค้าได้จองคิวกันตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาในงานมอเตอร์โชว์2018 และด้วยความที่ดูคาติออกแบบและปรับปรุงพัฒนารถรุ่นนี้อย่างแตกต่างชัดเจน จึงไม่ยากเย็นนักที่จะตัดสินใจซื้อเก็บไว้สักคัน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก มียอดจองสูงที่สุดในค่ายรถดูคาติกันเลยทีเดียว ด้วยความที่มีคนรอลุ้นราคากันมากมาย และสรุปแล้วราคาที่ประกาศออกมาเริ่มต้นในราคาไม่ถึง1ล้านบาทนั่นเอง

ราคา Panigale V4   อยู่ที่  969,000 บาท 

ราคา Panigale V4S อยู่ที่ 1,169,000 บาท

โดยในวันนี้ทาง Ducati Bikers Thailand ต้องขอขอบคุณร้าน MPK CONCEPT ที่เอื้อเฟื้อรถ Panigale V4 และสถานที่ สำหรับถ่ายรูปสวยๆ พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์บางส่วนเกี่ยวกับฟิลลิ่งการขับขี่ครับ

รถ Panigale V4 จอดเตรียมลงของแต่ง ณ.ร้าน MPK CONCEPT

สำหรับอุปกรณ์ติดตั้งที่เป็นแสตนดาร์ดของรถ Panigale V4 นั้น ได้แก่

Ducati Power Launch (DPL)

Ducati Quick Shift (DQS) up/down EVO

Full-LED headlight with Daytime Running Light (DRL)

Sachs steering damper

Quick control selection

Automatic switch-off of turn signals.

นอกจากนี้ ยังมีระบบเพื่อเพิ่มความปลอดภัยอัดแน่น ดังนี้ครับ

Cornering ABS EVO (เพิ่มประสิทธิภาพการ เบรคขณะที่รถอยู่ในมุมเอียง)

Ducati Traction Control EVO (ป้องกันการหมุนฟรีของล้อ)

Ducati Wheelie Control (ป้องกันการยกตัวของล้อหน้า)

Ducati Slide Control (ช่วยการควบคุมอาการสไลด์ขณะอยู่ในโค้ง)

Engine Brake Control EVO (สามารถปรับระดับของอาการหน่วงจากเครื่องยนต์ขณะยกคันเร่ง)

 

รูปลักษณ์ทั่วไปและความสูงเมื่อเทียบกับผู้ขับขี่

 

จอแสดงผล TFT colour display พร้อมโหมดการตั้งค่าต่าง ๆ และที่โดดเด่นมากเลยคือ การแสดงผลตำแหน่งเกียร์ที่แค่เหลือบตามองเวลาขี่ก็เห็นไม่เสียจังหวะในการขับขี่ความเร็วสูง พร้อมวัดรอบแบบกลม ให้อารมณ์แบบอนาล็อก
สีสันตอนเริ่มกดปุ่มสตาร์ทนั้น สวยงามมากครับ

 

ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟเดย์ไลท์ แบบ LED (Full LED lighting with Daytime Running Light (DRL))

 

ช่องเบาะท้ายที่กว้างขึ้น ช่วยในเรื่องการทรงตัว และแอโรไดนามิค

 

ไฟเลี้ยวติดที่หูกระจก

 

สิ่งหนึ่งเลยที่แตกต่างจากรถ Panigale รุ่นก่อนนั่นคือ เฟรม Aluminum alloy ที่มีอยู่แค่บริเวณช่วงหน้า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงมากขึ้น

 

ระบบเบรคหน้า ให้ จานดิสขนาด 330 mm 2จาน พร้อมควบคุมพละกำลังด้วย ปั๊ม Brembo Monobloc Stylema® (M4.30) เสริมด้วยระบบ Cornering ABS EVO (คำว่าอีโว คือรุ่นที่พัฒนาต่อจากพานิกาเล่ตัวเก่าครับ)

 

ในด้านเบรคหลัง ใช้จานขนาด 245 mm พร้อมด้วยปั๊่มBrembo แบบ2พอท และมี Cornering ABS EVO เช่นกัน

 

ทรงถังน้ำมันออกแบบใหม่ กระชับในการขับขี่กว่าเดิม กริปขา และทำให้การโหนตัวเข้าโค้งทำได้คล่องแคล่วขึ้น

 

สวิทย์คอนโทรลด้านซ้าย มีปุ่มเลือกโหมด และปุ่ม Select สำหรับปรับค่าการขับขี่ต่าง ๆ

 

ปุ่มควบคุมด้านขวา มีปุ่มออฟรัน และปุ่ม DPL (Ducati Power Luncher 3 ระดับ)อยู่ด้วย

 

คลิปการใช้งาน ปุ่ม DPL สำหรับการออกตัวครับ

 

สัดส่วนคนขี่กับรถ

นายแบบ สูง 175 ซม. กับเบาะที่มีความสูง 830 มิลลิเมตร ถือว่าไม่เขย่งมาก ยังวางอุ้งเท้าด้านหน้าได้เต็มครับ ให้ความมั่นใจได้

และที่แปลกและขัดใจนิดหน่อยนั้น ก็เห็นจะเป็นการเตะขาพักเท้าขึ้นลงครับ เพราะตุ่มสำหรับการเตะพักเท้านั้นค่อนข้างเล็ก และแนบสนิทกับแฟริ่งเป็นอย่างมาก ถ้าผู้ขับขี่ใส่รองเท้าผ้าใบยังพอเตะได้ แต่ถ้าใส่รองเท้าบูทเรสซิ่งนี่น่าจะยากมาก และต้องอาศัยความเคยชินพอสมควรครับ

 

การทดสอบการขับขี่

บิดสนุก กำลังเหลือ ไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนสมัย L-Twin :

รถ Panigale V4 รุ่นนี้ มีโหมดการขับขี่ให้ได้ใช้กัน 3 โหมดเช่นเคยนะครับ โดยตั้งชื่อ ต่างกันว่า โหมด Street , Sport , Race ซึ่งช่วงขับขี่ในเมืองส่วนใหญ่จะใช้ Street ครับ  และวันนี้มีสลับกันไปครับ ระหว่างรถโล่งและรถติด รถคันนี้บิดสนุกติดมือและมีกำลังเหลือเฟือมากครับ ยิ่งได้ลองเป็นโหมด Race ยิ่งต้องปรับตัวให้ชินเพราะบิดติดมือทันที และยังมีสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนคือ ช่วงความกว้างของเกียร์1 ครับ ที่เปิดได้กว้างขึ้นซึ่งนั่นจะทำให้เราสามารถไต่โค้งด้วยเกียร์1ได้มากขึ้นนะครับ ไม่เหมือนสมัยขีี่ 899 Panigale ที่ช่วงเกียร์ 1 ชิดมาก ทำให้เราต้องเข้าโค้งเกียร์ 2 เป็นหลักนะครับ

รถคันนี้ เป็นรถที่พร้อมจะเข้าโค้งไปกับเรา และเป็นมิตรมาก หากเราชินกับรถและโค้งแล้วเชื่อว่าจะทำความเร็วได้ดี และเข้าโค้งได้เนียนแน่นอนครับ

สำหรับการเข้าเกียร์นั้น เนื่องจากมีระบบ Ducati Quick Shift (DQS) up/down EVO ติดตั้งมาให้แล้ว จึงทำให้การเข้าเกียร์นุ่มนวลมาก ทั้งการงัดเท้า และการกดเกียร์ลง แม่นยำและไม่ต้องใช้กำลังในการงัด และ กด เกียร์มากนักครับ  การหาเกียร์ว่างก็ง่ายกว่าดูคาติรุ่นก่อน ๆ เช่นกันครับ

 

ความร้อนของรถคันนี้เป็นอย่างไร?

เท่าที่ได้ขี่ในการจราจรติดขัดในกทม. ก่อนหน้านี้ สมัยได้ขี่ 899 Panigale หากรถติดมาก ๆ จะมีความรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่ทะลุกางเกงยีนส์บริเวณน่องอ่อนด้านขวาเข้ามาจนพองกันไปหลายรอบ  แต่กับเจ้า V4นั้น ชัดเจนครับ ว่าทางดูคาติออกแบบช่องลมระบายไอความร้อนให้ใหม่ โดยเฉพาะเวลาพัดลมไฟฟ้าทำงาน ลมร้อนจะปะทะออกด้านข้างครับ   แต่ยังไง ก็ต้องบอกกับทุกท่านว่ามันยังคงร้อนอยู่ดีนะครับ สำหรับการนั่งคล่อมอยู่บนเครื่องยนต์ระดับ1000ccโดยตรงครับ

ช่องดักลมร้อน ระบายออกด้านข้าง ปรับมาใหม่

อีกหนึ่งเทคโนโลยีเด่นนั้นคือ : Counter-rotating crankshaft

รถที่ใช้งานบนถนนโดยทั่วไปนั้น เพลาข้อเหวี่ยงจะหมุนไปในทิศทางเดียวกันกับการหมุนของล้อ แต่ในทางตรงกันข้าม ในรถที่ใช้ในการแข่งขัน MotoGP นั้น จะใช้เพลาข้อเหวี่ยงที่หมุนไปในทิศทางที่ ตรงกันข้ามกับล้อ ซึ่งสำหรับเครื่องยนต์Desmosedici Stradale ที่ได้ประจำการอยู่ ใน Panigale V4 นั้นได้หยิบยืมเทคโนโลยีนี้มาจาก MotoGP เพื่อให้ตัวรถนั้นสามารถชดเชยแรงเฉื่อยที่เกิดขึ้นได้ ส่งผล ให้ Panigale V4 มีความคล่องตัวและแม่นยำมากขึ้น สามารถพลิกรถเพื่อเปลี่ยนทิศทางระหว่างโค้งได้ อย่างสมดุลย์และต่อเนื่องมากขึ้นนั่นเอง

ภาพการทดสอบความเร็วปลายของ PanigaleV4S โดย www.motorcyclenews.com แสดงผลว่า รถคนนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 191 Mile/Hour (ประมาณ 307 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) โดยไม่มีการปรับแต่งใดๆ

Ducati V4 Panigale clocks 191mph

Ducati’s Panigale V4 hitting 191mph at Bruntingthorpe Proving Ground, making it one of the fastest sportsbikes we’ve ever tested. You can read all about it in this week’s MCN https://www.motorcyclenews.com/magazine/

โพสต์โดย Motorcycle News เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ 2018

โดยรวมแล้ว รถ Panigale V4 นั้น มันเป็นรถที่ขี่ง่าย ขี่สนุก และเป็นมิตรกับเรามากขึ้นครับ  กับระบบอิเลคทรอนิกที่เข้ามาช่วยผู้ขับขี่อย่างมากมาย ระบบเบรคที่ดีเยี่ยมและช่วงล่างที่ไว้ใจได้แน่นอน ส่วนทางด้านเครื่องยนต์ และเฟรม ก็แทบจะถอดแบบมาจากรถ MotoGP เรียกได้ว่า ครบเครื่อง และพัฒนาจากรุ่นเก่าแบบชัดเจนครับ  น่าสนใจเป็นอย่างมากครับ

 

สนใจทดสอบรถ Panigale V4 ลองสอบถามศูนย์ดูคาติใกล้บ้านดูนะครับ

ขอบคุณครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *