Ducati SuperSport – More sport, every day
หลังจากที่มีการเปิดตัว ดูคาติ ซุปเปอร์สปอร์ทไปแล้ว ในงาน Intermot 2016 เชื่อเหลือเกินครับว่าไบเกอร์ชาวไทยหลายๆ คน เฝ้ารอการปรากฎตัวของมันในไทย ซึ่งเมื่องานมอเตอร์โชว์ 2017 เมื่อต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ทางดูคาติ ไทยแลนด์ ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังนะครับ กับการเผยโฉมตัวจริง เสียงจริง ของ ดูคาติ ซุปเปอร์สปอร์ท ให้เราได้ลอง “คล่อม” เช็คมิติการนั่งกัน เพราะอะไรนั้นหรือ ติดตามครับ
SuperSport is the sports bike for the road that takes the
energy and emotions of a sports ride everywhere.
ก่อนอื่น เราคงต้องมาดูคอนเซ็ปของการออกแบบตัวรถกันก่อนครับ ด้วยดูคาติเองทราบดี ว่ายังมีกลุ่มลูกค้าจำนวนหนึ่ง ที่ต้องการรถสปอร์ท ที่ไม่ได้ก้มขี่สปอร์ท ตลอดเวลา แต่มีความยืดหยุ่นกว่า สามารถใช้งานได้บนถนนทั่วไป ท่องเที่ยว และยังลงสนามได้อีกด้วย ดังนั้น คอนเซ็ปของรถตัวนี้ คือ ใช้งานได้ “ทุกวัน” (every day roads) โดยรถคันนี้ จะทำให้ผู้ขับขี่ รู้สึกสนุกไปกับความสปอร์ท ทุกวัน ทุกเวลา
ดังนั้น ท่านั่งของรถคันนี้ จึงไม่ได้ก้มต่ำลู่ลมมากนัก โดยพักเท้าที่อยู่กึ่งกลางลำตัวรถมากขึ้น และแฮนด์จับ ที่ยกสูงขึ้น ทำให้หลังไม่ต้องก้มจนเกินไป จึงลดความเมื่อยลงได้ครับ แถมการออกแบบก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นสปอร์ทหายไป ด้วยมุมการแบนเข้าโค้งอยู่ที่ 48 องศาครับ (Lean angle of 48°)
ออกแบบพิถึพิถันแค่ไหน ได้สังเกตุกันไหมครับ ว่าที่แฟริ่ง ไม่มีน็อตยึดเลยสักจุด
ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น ยกเครื่องของ Hypermotard มาใส่ โดยให้กำลังม้าอยู่ที่ 113 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที และมีแรงบิด 96.7 นิวตันเมตร ที่ 6500 รอบต่อนาที ส่วนตัวเฟรมนั้นเป็น Trellis frame ซึ่งยกมาจาก Ducati Monster821 ครับ ส่วนการออกแบบที่เหลือ ออกแบบใหม่หมด ให้รถเพรียว และคล่องตัวครับ
ในส่วนของ ตัว S Version นั้น สิ่งที่ได้มาเด่น ๆ เพิ่มขึ้น นอกจากสีขาว มีดังนี้ครับ
โช๊ค-หน้าหลัง ให้ Ohlins มาเลย
และใน S Version มี Ducati Quickshifter (DQS) ทั้งขึ้น และลง ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ไม่ต้องบีบครัชอีกต่อไป (ยกเว้นเข้าเกียร์ว่าง กับ เกียร์ว่าง ไปเกียร์1 นะครับ) ระบบนี้นี่ สนุกแน่ครับ ถ้าใครได้ลองความต่อเนื่องในการเข้าเกียร์ โดยที่ไม่ต้องผ่อนคันเร่งครับ
แถมด้วย ครอบเบาะ(ตูดมด) ครับ เฉพาะ S Version
มาดูจุดเด่นของรถคันนี้กัน
The Daytime Running Light : DLR เป็นไฟส่องเดย์ไลท์ ตอนกลางวัน ครับ ออกแบบมาสวยงาม โดดเด่น ถอดดีเอ็นเอ มาจาก Ducati Panigale เลย
ชิวด์บังลม (windshield) สามารถปรับระดับ ได้ 50 mm. โดยสามารถปรับได้ด้วยมือ แบบแมนนวลครับ ระหว่างขับขี่ก็ปรับได้เลย จึงให้ทั้งความสปอร์ท และทัวร์ริ่ง ในตัวครับ
Riding Mode มาเต็มเช่นเดิม กับ 3 โหมด การขับขี่ Sport, Sport, Urban ที่ประสานการทำงาน ร่วมกับ Rbw และยังผสมผสานการออกแบบ มุมโค้งของถังน้ำมัน ที่เพิ่มรอยเหลี่ยมให้มากขึ้น แปลกตากว่ารุ่นอื่นครับ
single-sided swingarm และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลวดลายสปอร์ต Y shaped, 3-spoke แบบเดียวกับ Super Bike รุ่นใหญ่อย่าง 1299 Panigale ให้ฟิลลิ่งสปอร์ทครับ
มาถึงค่าบำรุงรักษารถครับ หลังจากดูคาติไทยแลนด์ได้จัดเต็มลดราคาลงมาแล้ว เป็นดังนี้ครับ
(สติ๊กเกอร์แปะที่ตัวรถเลย555) เพื่อให้ผู้ทดลองคล่อม ได้เห็นราคาเต็ม ๆ ครับ ว่ามันถูกลงแล้ว
โดยรถที่จะผลิตและจัดจำหน่ายในไทย มี 2 รุ่นให้เลือกครับ พร้อมกับ สี 2 สี นั่นคือ
Ducati SuperSport รุ่น Standard มาในสีแดง (Ducati Red)
Ducati SuperSport รุ่น S version มาในสีแดง (Ducati Red) และ สีขาว (Star White Silk)
โดยจะเริ่มส่งมอบรถในไตรมาส 4 ของปีครับ
ส่วนราคานั้น .. แหล่งข่าวแจ้งมาว่า ไม่เกิน 700,000 บาท ในรุ่น S Version ครับ ส่วนตัว Standard ก็น่าจะอยู่ที่ 6แสนนิดๆเดียว แน่นอน เพราะไม่มีโช๊คOhlin
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับสมรรถนะการใช้งาน รูปลักษณ์ และราคา .. น่าสนใจไหมครับ
สรุป สำหรับผมแล้ว รถคันนี้น่าจะเหมาะกับ ไบเกอร์ที่รักความเท่ห์ ชอบความสปอร์ท แต่เป็นคนที่ใช้รถเดินทางบ่อย นอกเหนือจากการท่องเที่ยวครับ แถมยังสามารถลงสนามได้ รูปร่างหน้าตารถก็ไม่ได้ขี้เหร่ หวดในสนาม แบนโค้ง เท่ห์แน่นอน แต่ถ้าบางคนจะเอามันไว้ขี่เที่ยวก็ไม่เสียหายอะไรนะครับ กระเป๋าทัวร์ริ่งก็มีเป็นออฟชั่นเสริมไว้ซื้อเพิ่มได้
เป็นรถที่เพียบพร้อมครับ แม้ด้วยคาแรคเตอร์ อาจไม่ได้ไปทางใด เป็นที่สุด แต่ถ้าคุณเอง ก็ไม่ใช่ไบเกอร์ผู้ใช้รถไปในทางใดแบบที่สุดเช่นกัน มันก็เหมาะสม และเสริมความหล่อ ให้คุณได้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ขี่ไปไหน สาว ๆ หนุ่มๆ เหลียวหลังมอง คอเคล็ดแน่นอนครับ บอกเลย
สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ และการวางจัดจำหน่าย รวมถึงการส่งมอบรถ และรีวิว ฉบับเต็มจากการขับขี่จริง รอพบได้แน่นอนในโอกาสถัดไปครับ