เมื่อคืนหลังจากเลิกงานที่ออฟฟิศ ก็ไปดูหนังต่อที่โรงหนังแถวหน้ารามคำแหง(ยังไม่ขอระบุชื่อโรงหนังนะครับ) ผมขับ m795abs เป็นครั้งแรกเลยที่ไปใช้บริการที่จอดรถจักรยานยนต์ของโรงหนังประมาณเกือบสามทุ่ม(รอบหนัง 21:10) ตัดสินใจหิ้วหมวกขึ้นไปด้วยเพราะวิเคราะห์สภาพบรรยากาศที่จอดแล้วว่าไม่ควรแขวนไว้หรือแม้กระทั่งล๊อคไว้ที่รถได้จริงๆ ส่วนรถตอนเข้าไปจอดก็คิดเป็นกังวลเหมือนกันว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดี แต่ในใจก็คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอกดูไม่นานก็กลับแล้ว
ผมเลือกตำแหน่งจอดใกล้ทางเข้าออกและเป็นตำแหน่งที่ยามพอจะมองเห็นได้ง่าย หลังจากนั้นก็เข้าไปซื้อตั๋ว และยังพอมีเวลาอีกนิดไปกินข้าวที่เชสเตอร์กิลล์ กินเสร็จพอถึงเวลาก็เข้าไปดูหนังปรกติ(หนังก็สนุกดีด้วย)
พอหนังจบ ประมาณเที่ยงคืน ก็ไปที่จอดรถ มองเห็นรถไกลๆ อ้อ..มันยังอยู่ก็สบายใจ(ช่วงนี้เห็นมีข่าวรถหายอยู่บ่อยๆ แอบเป็นกังวล) และก็ด้วยความรีบเพราะมันดึกแล้ว ก็รีบค้อมและขับรถออกจากโรงหนัง พอเลี้ยวซ้ายออกจากโรงหนังเพื่อเข้าถนนรามคำแหงเท่านั้นแหละ...........
ผมก็กำเบรคหน้าเป็นหลัก และเยียบเบรคหลังเบาๆ เห้ยยย!!ทำไมมันเยียบเบรคแล้วยวบลงไปเลยยยยยยเนี่ยยย........ ลองขับไปอีกนิดเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามคำแหง21 ลองเยียบเบรคอีกครั้งดู..เห้ยยยยยๆๆ......ชัวร์เลย คิดเลยมีคนหมั่นใส้แกล้งหรือแอบมาตัดสายเบรคเปล่าวะ ด้วยดึกแล้วซอยก็มืดคิดแง่ร้ายเลยครับ มันตัดสายเบรคกะให้รถมีปัญหาแล้วตามมาทีหลังหรือเปล่า ผมเลยตัดสินใจค่อยๆขับกลับให้ถึงบ้านก่อนดีกว่า โดยมีเพียงแค่เบรคมือที่ใช้ได้(ยังดีที่มันยังเหลือเบรคหน้าไว้ให้)
พอถึงลงจากรีบลงมาดูปรากฎว่า.....มันไม่ได้ตัดสายเบรคครับ มันไขเอาปั๊มเบรคหลัง Brembo พร้อมกับกันดีด strom ที่พึ่งไปติดมาเอาด้วย
อืมมม...คิดในใจกูโดนกะเค้าแล้วสินะ เอาไงดีดึกแล้วด้วย เข้าบ้านอาบน้ำนอนเลยดีกว่าไหม ช่างหังแม่งงงงมัน..
แต่ยืนคิดอยู่ซักพักด้วยความอยากรู้ว่ามันเอาไปได้ไงก็ตัดสินใจ ขับรถยนต์จากบ้านไปโรงหนังตอนนี้เลยดีกว่า เรื่องมันยังสดๆร้อนๆอยู่เผื่อจะตามหาเบาะแสได้ง่ายกว่า.. พอไปถึงโรงหนัง โอ้เงียบมากกก..มันดึกแล้วสินะ ก็พยายามเดินหา รปภ. ตรงป้อมทางเข้าและถวๆนั้นก็ไม่มีใครอยู่ ตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างบนโรงหนังตรงจุพักคอย ก็เห็นเด็กๆน้องๆของโรงหนังนั่งจับกลุ่มคุยกัน อืมมม..กูจะเข้าไปถามมันดีไหมหนอ มันจะช่วยอะไรกูได้ไหมหนอ กำลังจะเดินเข้าไป ดันปวดฉี่ซะงั้น เข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า พอออกมาจากห้องน้ำก็ยังเห็นน้องๆโรงหนังยังนั่งจับกลุ่มคุยกันเหมือนเดิน เอ่อออ..ไม่ยุ่งละกัน ตัดสินใจลงไปข้างล่างไปเดินหา รปภ. อีกทีดีกว่า.. พอลงไป ก็ไปเจอ รปภ. เดินมาพอดีครับ
ผมเข้าไปถามเลย ..."ขอโทษครับ นี่เข้ากะมาตั้งแต่กี่โมงครับ."
รปภ....."อ้อ ตั้งแต่สามทุ่มแล้วครับ มีอะไรเหรอครับ".....
ผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พร้อมพาเค้าไปดูที่เกิดเหตุตรงจุดจอดรถ ยังมีลอยคราบน้ำมันเบรคหกอยู่เลย..โดยมีเจตนาแค่จะหาเบาะแสของขโมย โดยไม่ได้คิดจะเอาเรื่องใครให้เสียเวลาครับ
ผมก็ถามไปว่า "ตรงแถวนี่มีกล้องวงจรปิดไหมครับ"
ก็ได้คำตอบเลยว่า "ไม่มีครับพี่ ถ้าจะมีก็เป็นกล้องของธนาคารไทยพาณิชย์ด้านนุ้นครับ แต่มันน่าจะมองมาไม่ถึงตรงนี้หรอกครับ"(อืมมม ให้ทำใจเลยสินะ..แหม่)
รปภ. บอก"พี่ไปแจ้งความไว้ก่อนดีกว่าที่ สน.หักมากครับ"
ผมก็ไปดำเนินการแจ้งความต่อเลยครับ ที่ สน.หัวหมาก และก่อนไปผมก็ทำใจรอละว่าจะเจอสภาพแบบไหนเวลาไปแจ้งความเรื่องแบบนี้ แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด เค้าไม่ค่อยใส่ใจเท่าที่ควรก็บเรื่องแบบนี้แถบพี่ตำรวจยังมาแนะนำผมอีกว่า "เราจะไปเอาผิดกับโรงหนังหรือผู้บริหาร ก็ไม่ได้หรอกไม่เกี่ยวกันเค้าไม่รู้เรื่องกับเราหรอก เดี๋ยวนี้จอดตรงไหนมันก็อันตราย หายกันเป็นเรื่องปรกติ สมัยนี้มันอันตราย (ย้ำ) มันอันตรายทุกที่นั่นแหละ เราต้องดูแลตัวเอง บลาๆๆๆ"
ผมเลยบอกกับตำรวจท่านนี้ว่า "พี่ผมที่ผมจะปรึกษาด้วย ก็ไม่ได้จะมาแจ้งความเพื่อไปเอาผิดกับโรงหนังเค้าให้เสียเวลาผมหรอก แต่ผมกำลังจะหาเบาะแสคนขโมย และเอาไปบอกที่โรงหนังเค้าให้รู้ว่ามันเกิดเหตุแบบนี้นะ เพื่อจะได้มีการจัดการเพิ่มระบบความปลอดภัยมากกว่านี้นะ เช่นติดกล้องวงจรปิดอีกหน่อยก็ได้ อย่างน้อยมันก็จะช่วยป้องกันได้ระดัยนึงทำให้คนอื่นที่มาใช้บริการจะได้มั่นใจบ้าง และไม่พากันโดนเหมือนผมอีก หรือเมื่อเกิดเหตุแล้วก็ยังพอสืบหาผู้กระทำผิดได้บ้าง "
และก็ได้แต่คิดในใจครับ (ตกลงพวกพี่ๆตำรวจจะไม่รู้สึก ว่าต้องใช้วิชาชีพของตัวเองทำมากกว่าการเขียนบันทึกข้อมูลแจ้งความเลยรึไง...เฮ้ออออ..แล้วผมจะมีพวกพี่ไว้ทำ หอกกกกก อะไรครับ )
สรุปครับ..ที่นี่ไม่มีกล้องใดๆเลยที่จะคอยช่วยสอดส่องและคอยบันทึกภาพ แม้กระทั้งที่จอดมันก็อยู่หลังถัดจากป้อมยามมานิดเดียว ผมคิดผิดจริงๆที่มาฝากความหวังไว้ที่นี่ ถ้าแขวนหมวกไว้ด้วยก็คงไม่รอดสินะ ผมคงไม่เอารถมาจอกไว้ที่นี่อีกแล้วครับ แต่แค่อยากจะเล่าสู่กันฟังและขอบอกว่า..เราไว้ใจสถานที่แบบนี้ไม่ได้เลยจริงๆ