ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีเซ็ตอัพโช๊ค ด้วยตัวเอง  (อ่าน 36606 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ zing.zink [ซิ้ง]

  • Ducati Owner
  • *****
  • กระทู้: 249
  • Moto GP point: +7/-0
  • เพศ: ชาย
วิธีเซ็ตอัพโช๊ค ด้วยตัวเอง
« เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2011, 08:13:45 PM »
พอดีผมเข้าไปอ่านเจอมาครับ เลยอยากนำมาแบ่งปัน เห็นตอนนี้หลายๆ ท่านกำลังเพลิดเพลินกับของเล่นชิ้นใหม่  mon42 หวังว่าคงเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยนะครับ


การเซ็ตโช้คอัพภาคปฎิบัติ

การ เซ็ทอัพ โช้คนั้น ไม่เคยมีใครสรุปว่า เท่าไหร่จึงจะดีที่สุดเพราะมันไม่มีค่าตายตัว เช่นเดียวกับการแข่งขันในสนามแข่ง เปลี่ยนสนามหนึงก็ต้องตั้งค่ากันใหม่ทุกครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยในหลายๆองค์ประกอบ

ผมจึงได้ไปค้นหาการปรับเซ็ทที่เป็นค่ามาตรฐานที่สุด ที่ผู้ผลิตโช้คเค้าใช้กันทั่วโลก ซึ่งวิธีนี้สามารถวัดเป็นตัวเลขได้และน่าจะปรับนำใช้กับรถของผู้อ่านได้ด้วยตัวเองครับ



1 Static spring preload คือการหาค่าความแข็งของสปริงให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ สามารถทำเองได้อย่างง่ายๆ โดยวิธีดังต่อไปนี้
ข้อควรจำ ควรวัดเป็นหน่วย มิลลิเมตร- หาค่ายืดตัวสุดของโช้ค

นำรถมาตั้งอยู่บนขาตั้งคู่ หรือแสตนตั้งรถ ให้ล้อหน้าหรือหลัง ลอย ให้โช้คได้ยืดตัวจนสุด ทำการวัดระยะความยาว โช้คหน้าอาจวัดโดยการมาร์คจุดตั้งแต่แผงคอบนถึงแกนล้อหน้า นับเป็น F1 (F=Front) ส่วนที่ล้อหลัง อาจจะวัดตั้งแต่เบาะหรือบาร์ท้ายลงไปถึงแกนสวิงอาร์ม นับเป็น R1 (R=Rear)

- หาค่ายุบตัว บนรถเปล่า

นำรถลงจากขาตั้ง จับให้ตรงเมื่อโช้ครับน้ำหนักตัวรถเปล่า สังเกตว่าโช้คมันจะยุบตัวลงมาระดับหนึ่งเนื่องจากมีน้ำหนักตัวรถมากด ให้วัดค่าความยาวทั้งสองจุดไว้อีกครั้ง ให้นับเป็น F2 และ R2

- หาค่ายุบตัว ขณะมีผู้ขับขี่

ให้เจ้าของรถขึ้นไปนั่งบนรถแล้วกดน้ำหนักตัวตามปกติ กดโช้คให้ยุบเล็กน้อย ให้สปริงคืนตัว ตั้งรถให้ตรงแล้ววัดยะระของโช้คทั้งหน้าและหลัง ให้นับเป็น F3 และ R3

สูตรคำนวน ให้แยกกันคำนวนระหว่างหน้าและหลัง โดยใช้วิธีคิดง่ายๆดังนี้- กรณีเป็นรถปล่าวไม่มีผู้ขับขี่ ให้ระยะ R1 มาลบกับ R2 ตัวเลขที่เหลือ คือช่วงยุบของสปริงนั้นๆ ค่ามาตรฐานควรจะอยู่ที่ 10-20 มม. ส่วนโช้คหน้านั้นคือ F1 ลบ F2= เลขที่เหมาะสมคือที่ 15-30 มม.

- กรณีมีผู้ขับขี่ ให้ระยะ R1 มาลบกับ R3 ตัวเลขที่เหลือ คือช่วงยุบของสปริงนั้นๆ ค่ามาตรฐานควรจะอยู่ที่ 25-40 มม. ส่วนโช้คหน้านั้นคือ F1 ลบ F3= เลขที่เหมาะสมคือที่ 35-50 มม.



- หากตัวเลขที่ออกมา “มากกว่าค่าเฉลี่ยที่กำหนด” แสดงว่าสปริงอ่อนไป ให้ปรับกดสริงให้แข็งขึ้น หากตัวเลข “น้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่กำหนด” ให้ปรับยืดสปริงให้นิ่มขึ้น

     
ข้อมูลจาก Yss Thailand ครับ
มีต่ออีกหน่อย เพิ่งไปเจอมาครับ

การเข้าถึงสมรรถนะของระบบกันสะเทือน

ท่านผู้อ่านทราบบ้างหรือไม่ว่า ในศาสตร์แขนงต่างๆที่มีอยู่บนโลกล้วนมีความลึกซึ้งและสลับซับซ้อนในตัวของมันอยู่ ในบางเรื่องเราก็ปฎิบัติด้วยความเคยชิน บางอย่างที่เราสนใจ เราก็ค้นคว้าและศึกษาอย่างลึกซึ้ง ในสมัยก่อน ตัวผมเองก็ได้มีโอกาสสัมผัสและขับขี่รถจักรยานยนต์มาหลากหลายรูปแบบ เมื่อขี่แล้วก็สามารถบอกได้ว่ารุ่นนี้ให้ความรู้สึกดี หรือไม่ดีอย่างไร

กับเรื่องระบบกันสะเทือนก็จะมีความรู้แค่หยาบๆเท่านั้น จวบจนเมื่อได้เข้ามาศึกษาและสัมผัสความรู้เกี่ยวกับโช้ค จึงเข้าใจว่าเหตุใดผู้ผลิตรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ ในแถบยุโรป ซึ่งเป็นต้นตำรับผู้สร้างรถจักรยานยนต์เป็นจ้าวแรกๆ จึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับระบบกันสะเทือนเป็นพิเศษ นั่นเป็นเพราะว่า มันจำเป็นสำหรับช่วยในการทรงตัวของรถ รวมถึงความปลอดภัยในการขับขี่โดยเฉพาะในการอยู่ในย่านความเร็วสูง  ท่านผู้อ่านอาจจะจินตนาการไม่ออกถึงความแตกต่างของมัน แต่ถ้าหากใครที่ได้มีโอกาสได้ลองนำรถไปขี่ในสนามแข่งผ่านโค้งที่ใช้ความเร็วสูง ถึงจะเข้าใจครับ

ต่อเนื่องจากครั้งก่อน ผมได้แสดงให้เห็นว่า ในระบบการทำงานของโช้คนั้นมีความละเอียดอ่อนแค่ไหนครั้งนี้เราจะเรียนรู้ถึงการปรับเซ็ทโช้คอัพกัน ผมจึงยกตัวอย่างโช้คที่เป็นแบบมีออฟชั่นเต็มแบบที่สามารถปรับในจุดต่างๆได้ครบ ซึ่งหากท่านผู้อ่านท่านใดที่ขี่รถประเภทบิ๊กไบค์อาจจะได้ประโยชน์จากบทความนี้บ้างครับเพราะรถนอกขนาดซีซี.สูงๆเค้าติดตั้งระบบกันสะเทือนดีๆมีให้แล้วบ้างครับ

 
1 Setting the Spring Pre-load

การปรับความแข็งของ สปริง เรียกเป็นภาษาบ้านๆว่า “สตรัทเกลียว” น่าจะเข้าใจง่ายกว่าอย่าที่ทราบแล้วว่ามันทำหน้าที่อะไร วิธีปรับค่าให้มันแข็งหรืออ่อนลง อยู่ที่ Spring Pre-Load (สปริง พรี-โหลด) มันก็คือน็อตแหวนขนาดใหญ่ เอาไว้ดันสปริงตามความต้องการ  โดยจะมีตัว   Spring Pre-load Lock  (สปริงพรี-โลด ล็อค) มาเป็นผู้ช่วย เนื่องจากตัวพรีโหลดนี้อาจมีการเคลื่อนตัวเนื่องจากการสั่นสะเทือน ตัวช่วยนี้จะมาช่วยล็อคให้มันอยู่กับที่ อุปกรณ์ที่ใช้ในการปรับก็จะใช้เครื่องมือจับแบบพิเศษเรียกว่า C-spanner สำหรับล็อคและหมุนตัวพรีโหลด

 ข้อสังเกต โปรดจำไว้อยู่อย่างหนึ่งคือผู้ผลิตมักเลือกใช้ “เกลียวขวา” เป็นส่วนใหญ่ หมายถึงการขันเข้าโดยการหมุนตามเข็มนาฬิกา ส่วน “เกลียวซ้าย” จะใช้ในบางโอกาสเท่านั้น อาทิเช่น กระจกมองหลังที่ติดตั้งอยู่ด้านซ้าย หรือตัวปรับความยาวของพักเท้า
 
  2.Setting the Shock absorber length
การปรับความยาวโช้ค
 ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า องศาการติดตั้งหรือแม้แต่ความสูง-ต่ำของโช้คที่ไม่เหมือนกันก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน การปรับความสูงของโช้คผู้ผลิตมักทำมาเผื่อให้ผู้ใช้เล็กน้อย   อาจจะปรับระยะสูง-ต่ำได้ประมาณ 10  มม. ปรับโดยการหมุนเกลียวเข้าหรือออก และล็อคให้แน่นด้วยน็อตตัวเมืย ให้สังเกตว่า บนเกรียวที่ปรับความสูงของโช้คจะมีมาร์ค บอกถึงขีดจำกัดของความยาว เรียกว่า  Safety Mark (เซฟตี้มาร์ค) เพราะหากยืดโช้คมากเกินไปทำให้เกลียวสำหรับล็อคเหลือน้อยเกินไป และหากล็อคอยู่แค่เกลียวสองเกลียวแล้วมันหลุดออกมาตอนรถวิ่งคงจะไม่ใช่เรื่องสนุกแน่นอนครับ

 3 Adjustment of rebound damping
การปรับ รีบาวน์
 ตัวปรับหนืด ในขณะติดตั้งโช้คมันจะอยู่ใกล้ๆกับหูล่างพอที่ใช้มือเอื้อมไปปรับได้ ลักษณะการปรับสามารถทำได้โดยการหมุนไปทางซ้ายหรือขวา หากต้องการปรับให้หนืดขึ้น ให้หมุนไปทางซ้ายทวนเข็มนาฬิกา (Counter Clockwise) หมายถึงเกลียวที่ดันวาวล์จะเลื่อนขึ้นมาทำให้โช้คหนืดขึ้น และหากหมุนไปทางขวาตามเข็มนาฬิกา(Clockwise)  หมายถึงเกลียวเลื่อนลง ก็จะทำให้รูปวาวล์น้ำมันเปิดให้น้ำมันไหลได้สะดวกขึ้น
ข้อสังเกต ในการปรับ อุปกรณ์นี้ ให้สังเกตว่า เวลาหมุนตัวปรับ มันจะให้ความรู้สึกเหมือนขั้นบันได เรียกว่า “คลิก” ซึ่งสะดวกในการปรับค่า โดนการนับจำนวน คลิก ที่หมุนไป ในกรณีที่เราตั้งค่าและนับ จำนวนคลิกไว้แล้ว หากมีใครมาหมุนเล่น ก็สามารถปรับค่าไปที่เดิมได้สะดวกและรวดเร็ว

4 Adjustment of compression damping
การปรับ คอมเพรชชั่น
 “คอมเพรชชั่น” หรือตัวปรับความหนืดช่วงยุบตัวนี้ ส่วนใหญ่จะออกแบบมาเป็นตัวสกรูเล็กๆ ไว้ ปรับโดยใช้ไขควงแบนเป็นเครื่องมือปรับ ลักษณะมันคล้ายๆกับสกรูอากาศในคาบูเรเตอร์ ใช้ไขควงหมุนไปทางขวา(Clockwise)  สกรูก็จะดันให้ทางผ่านน้ำมันแคบลง ทำให้โช้คยุบตัวได้ช้าลง หากหมุนไขควงไปทางซ้าย (Counter Clockwise) ก็จะเปิดวาวล์ให้น้ำมันผ่านเร็วขึ้น โช้คยุบตัวได้เร็วขึ้น  วิธีจำระยะการปรับตั้งก็คล้ายๆกับการตั้งสกรูอากาศคาบูเรเตอร์ โดยการที่เราหมุนสกรูเข้าไปให้ปิดสุด แล้วค่อยๆคลายสกรูกลับออกมา โดยนับการหมุนทีละครึ่งรอบ จนอยู่ในระดับการยุบตัวที่ต้องการ
 
 2 การปรับค่าการยืดตัว Rebound

ในจุดนี้ ไม่มีตัวเลขการคำนวนครับ ภาคปฏิบัตินี้ต้องอาศัย Man and  machine  การผสมผสานของคนและเครื่องจักร และใช้ประสาทสัมผัสมาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจครับ ตัวอย่างเช่น เมื่อวิ่งไปแล้ว หากรถมีอาการ ส่าย ย้วย และกระดอนแสดงว่าโช้คนิ่มไป ให้ปรับแข็งขึ้น หากวิ่งไปแล้วรู้สึกว่า รถไม่ซับแรงและกระแทก แสดงว่าโช้คแข้งไปให้ปรับอ่อนลง

3 การปรับค่า การกดตัว Compression

เมื่อวิ่งไปแล้ว หากรถมีอาการ ส่าย หรือยุบตัวเกินไป แสดงว่าโช้คนิ่มไป ให้ปรับแข็งขึ้น หากวิ่งไปแล้วรู้สึกว่า รถกระด้างและสั่น ไม่ซับแรงและกระแทก แสดงว่าโช้คแข้งไปให้ปรับอ่อนลง  ทั้งนี้ตัวปรับคอมเพรชชั่น ค่อนข้างจะเหมาะสำหรับผู้ที่ขี่รถและจับความรู้สึกบนตัวรถได้อย่างลึกซึ้ง ผู้ขับขี่หลายคนจึงอาจจะไม่รู้ถึงความแตกต่าง ทั้งนี้ควรจะลองเปิด-และปิดวาวล์ให้สุดให้รู้ถึงความต่างกันอย่างชัดเจนก่อน ว่าแบบไหนนิ่มที่สุดและแบบไหนแข็งที่สุด ท่านจึงจะสามารถปรับค่าที่เหมาะสมได้
 
การปรับ Rebound และ  Compression  ไม่มีสูตรเฉพาะตายตัว ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักรถ น้ำหนักผู้ขับขี่ สภาพถนน ลักษณะการใช้ความเร็ว และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งนี้ เพื่อจุดประสงค์หลักสิ่งเดียวคือความปลอดภัยในการขับขี่ หากมีของดีอยู่กับตัวแต่ใช้งานไม่เป็นไม่ถึงศักยภายที่มันทำได้ ก็น่าเสียดายอยู่ไม่ใช่เหรอครับ


ที่มา จาก http://www.fcciracing.com/TipsModifies/show.php?id=274

เพิ่มเติมคลิปวิดีโอครับ



นาทีที่ 1-9 เป็นวิธีเซ็ตโช๊คหน้า(M795 ปรับไม่ได้ครับ)
นาทีที่ 10 เป็นวิธีเซ็ตโช๊คหลัง(ปรับ pre-load)

การเซ็ตโช๊คให้พอดีกับน้ำหนักสำคัญมากครับ สำหรับรถที่ใช้ความเร็วสูง ผมเองหนัก 47 กก. ถ้าขี่เกิน 120 กม./ชม. เมื่อไหร่อาการออกเลยครับ แต่ปกติผมไม่ได้ใช้รถในชีวิตประจำวัน ใช้ออกทริปเป็นส่วนใหญ่ แล้วผมก็ไปกับแฟนทุกครั้ง แฟนผมหนัก 43 กก. รวมน้ำหนักผมด้วยก็ 90 กก. พอดี อาการที่เคยมีก็หายไป รถออกจากโรงงานตั้งค่าโช๊คไว้เป็นค่ามาตรฐานอยู่ที่ 70-80 กก. (ช่างที่ศูนย์บอกมา)

ปล.อาการที่ออกคือ โช๊คไม่เล่น หรือ ไม่ซับแรง ขี่แล้วมันจะเด้งๆ เพราะผมน้ำหนักน้อย ถ้าคนน้ำหนักเยอะก็จะยวบๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2012, 11:06:13 AM โดย zing.pk [ซิ้ง] »

M 795 @ Phang-nga & Phuket

Ducati Bikers Thailand

วิธีเซ็ตอัพโช๊ค ด้วยตัวเอง
« เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2011, 08:13:45 PM »
//

ออฟไลน์ Groovy

  • Ducati Owner
  • *****
  • กระทู้: 55
  • Moto GP point: +0/-0
Re: วิธีเซ็ตอัพโช๊ค ด้วยตัวเอง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2011, 08:48:41 PM »
 mon57 mon57 mon57 mon57

ออฟไลน์ JackMonsterShop

  • Ducati Owner
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Moto GP point: +14/-2
  • เพศ: ชาย
Re: วิธีเซ็ตอัพโช๊ค ด้วยตัวเอง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2011, 10:18:07 AM »
 mon5 mon5 mon5 mon5
ติดต่อ 081-6618434 แจ็ค
Tel/ LINE /WhatsApp ได้ครับ

ออฟไลน์ ต้น_71 Bike

  • Ducati Owner
  • *****
  • กระทู้: 963
  • Moto GP point: +17/-1
  • เพศ: ชาย
Re: วิธีเซ็ตอัพโช๊ค ด้วยตัวเอง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2011, 11:03:05 AM »
 mon57ขอบคุณข้อมูลดีน่ะครับผม mon32

ออฟไลน์ Cha-bar

  • ทัณฑ์บน
  • *
  • กระทู้: 262
  • Moto GP point: +14/-0
Re: วิธีเซ็ตอัพโช๊ค ด้วยตัวเอง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2011, 05:18:08 PM »
ตัว 795 มีปรับระดับโช๊คหลังใช่ไหมครับ mon42
MONSTER LOVER CLUB


ออฟไลน์ boomtar

  • Ducati Owner
  • *****
  • กระทู้: 384
  • Moto GP point: +2/-0
Re: วิธีเซ็ตอัพโช๊ค ด้วยตัวเอง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2011, 10:34:30 PM »
ตัว 795 มีปรับระดับโช๊คหลังใช่ไหมครับ mon42
น่าจะมีนะคับ เพราะวันที่ไปลองเซลที่0บอกว่าจะปรับโช๊คลงให้ ทำให้เตี้ยลงอีกนิดหน่อย
แต่อาการที่ปรับลงจะทำให้มีผลนิดหน่อย เค้าบอกมันจะย้วยๆเวลาเข้าโค้งบ้าง

ออฟไลน์ ESAN Monster

  • Ducati Owner
  • *****
  • กระทู้: 238
  • Moto GP point: +2/-0
  • เพศ: ชาย
Re: วิธีเซ็ตอัพโช๊ค ด้วยตัวเอง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 07:31:39 AM »
ขอบคุณขอมูลดีๆ คับเห็นอะไรเอามาแชร์กันคับ mon57
[[  ร้อนไม่กลัว  กลัวไม่หล่อ  O_o  ]]