ถึงนาทีนี้ คงจะยิ่งมั่นใจว่า ความร้อนของเครื่องที่สะสมและยังไม่สามารถระบายได้ครับ น้ำมันที่ท่านเติม สามสิบกว่าองศามันก็จะมีส่วนประกอบระเหยเป็นไอ ยิ่งอุณหภูมิสูงขึ้น การเปลี่ยนสภาพเป็นไอก็จะรุนแรงและมากขึ้นครับ และเจ้านี่เองคือสิ่งที่ดันถังน้ำมันให้บวมออกจนฝาระเบิดหากแรงดันหาที่ไปไม่ได้
ตัวยืนยันเรื่องเครื่องดับ เพราะน้ำมันเกิดระเหยเป็นไอ ก็ยืนยันปัญหานี้เช่นกัน
พวกแผ่นกันรอยก็จะเยิ้ม ลอกง่าย นี่ก็ยืนยันปัญหานี้เช่นกัน
หากพวกท่านยังนิ่งๆ ทำใจรับกับมันได้ ก็ตามสะดวกครับ
บางท่านแยกท่อไอน้ำมันออกมา ผมว่ามันแก้ปัญหาหนึ่งแต่กำลังจะนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่งครับ ถังไม่บวม แต่น้ำมันในรูปไอที่เดือด หรือ น้ำมันที่เดือดออกมาจากท่อนั่น ก็เป็นประเด็นเสี่ยงหากมันไปจ่อกับสิ่งที่พร้อมจะลุกเป็นไฟ
ถามว่าเราจะทำอย่างไรดี ในขณะที่ศูนย์ยังไม่มีมาตรการอะไรที่ชัดเจนขนาดที่รถขายมาจะครบปีอยู่แล้ว
ทางแก้สำหรับผู้ที่ครอบครองอยู่ หรือ มั่นใจว่าซื้อแน่ ผมว่า การศึกษาเส้นทางและการวางแผนการใช้อย่างดี การหมั่นสังเกตุระดับความร้อนและสภาพแวดล้อม พร้อมๆกับการประเมินสภาพที่จะเกิดขึ้นเมื่อท่านขี่จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง
ถ้าผมใช้ คงต้องนั่งคิดว่าจะมีcool down ช่วงไหน
ยอมรับครับว่าเป็นรถที่สวยมากคันหนึ่งครับ เอาสมการ
ความสวยเท่ห์ของดูคาติ มาเทียบกับ การลงทุนเป็นเจ้าของ ต้นทุนความเสี่ยงต่างๆ ระยะยาวและสั้น
ผลน่าจะออกมาชัดเจนครับ ถ้าซ้ายมากกว่าขวาก็จัดเลยครับ
คำตอบอยู่ที่ท่านทั้งหลายครับว่า คุ้มหรือไม่ เพราะ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ครับ
รบกวนคุณพี่ พิจารณารูปด่านล่างนี้ด้วยครับ
ปกติรถจะมีการระบายอยู่แล้วครับ ตามรูปครับ
ซึ่งสายนี้้้ต่อออกมาจากฝาถังน้ำมันด้านซ้าย ส่วนสายด้านขวา ต่อเข้ากล่องดักไอน้ำมัน
ทำการถอดสายด้านขวาออกซะ
จากนั้นหาน็อตมาอุดรูไว้
เดินไปหน้าปากซอย ซื้อสายน้ำมัน สายลม หรือสายอะไรก็ตามแต่ใจท่านๆ ความยาว 1.5-2เมตร
นำมาต่อเข้าแทนที่สายเดิมที่เราถอดออก
ลากมันลงไปฝากอยู่กับสายระบายเดิมติดรถ
จบครับ ไม่ฟู่ ไม่บวม ไม่ระเบิด ไม่พัง(ไม่รู้) ครับผม
วันที่ผมคุยกับบริษัทเขา ผมก็เอาเคสนี้ไปเล่าและอ้างถึง ทางเจ้าหน้าที่เขาดูตกใจน่ะครับที่ท่านทั้งหลายใช้เทคนิคอย่างนี้ ฮ่า ผมเรียกว่า ภูมิปัญญาชาวบ้านครับ
ถ้าผมคิดแบบที่ท่านทำอยู่ ก็เท่ากับเราหาทางระบายน้ำมันต้มเดือดหรือน้ำมันที่เป็นไอทิ้งทางตรงครับ ถ้าน้ำมันปริมาณน้อย เดือดน้อยๆ คงจะเครียดไม่เยอะครับ ก็แค่ต้มน้ำมันทิ้งไปเรื่อยๆ
แต่คิดอีกมุม หากขี่ไป ร้อนได้ที่ ติดกลางแยก รถกระบะด้านข้างดีดบุหรี่ลงไปแถวนั้นก่อนออกตัวแข่งกับท่าน ... ท่านอาจคิดว่าเสี่ยงน้อยหรือมาก ผมไม่อาจตอบแทนท่านได้ครับ
ถ้าขี่แล้วลมโกรกๆ คงสบายใจ แต่ถ้าที่อับๆ อากาศไม่ไหลเวียน ผมว่าเครียดครับ
และที่สำคัญครับ ปัจจัยที่ทำให้ไฟติด อย่างเช่น คนสูบบุหรี่ที่อยู่รอบข้าง เมื่อรถท่านร้อนสักสี่ห้าขีด อยากจอดลุ้นข้างๆกันตามแยกไฟแดง ผมคิดแล้วเครียดครับ
ถ้าขับเท่ห์ ผมชอบครับ
แต่ถ้าครับเท่ห์คนมอง แต่ แพงซื้อ แถมซ่อมแพง ต้องดูขีดความร้อนตลอดเวลา รถติดต้องดับเครื่องเมื่อติดนานๆ ต้องคอยดมกลิ่นน้ำมัน หนีห่างพวกสูบบุหรี่ใกล้ จะเติมน้ำมันต้องรอรถเย็นก่อน รถติดห้ามใช้ ต้องออกเช้าตรู่หรือดึกๆเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจร หรือ ขี่เฉพาะวันหยุด...
ผมว่า มันน่าจะเหมาะกับคนที่รถมากกว่าหนึ่งคันครับ และเหมาะกับการขี่ฉาบฉวยมากกว่า คงเปรียบเหมือนferrari ที่คงจะไม่เหมาะที่จะขับขี่ทุกวันครับ น่าจะเอาไว้มาออกรอบวันหยุดมากกว่า เป็นของเล่นราคาแพงนั่นเองครับ
หรือไม่ก็พวกที่ชีวิต ไม่ต้องเจอแยกชนแยก วิ่งชิวๆครับ
ถึงตรงนี้ผมก็ย้ำหลักการเดิมครับ ถ้าไม่เคลีย ไม่แก้ ไม่ชัดเจน ผมไม่ซื้อครับ ผมก็รอคำตอบจากทางศูนย์อยู่ครับ
ไม่ต้องรอคำตอบจากผมเพื่อการตัดสินใจทั้งหมดหรอกครับ ถามเซล ถามศูนย์ ช่วยกันครับ เพราะผมก็แค่ว่าที่ลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้นเองครับ