Ducati Dream Tour : The Best Tour With DUCATI [18-22/09/2014]

[Nongk69]

 
อารมค้าง อีกแระ อิอิ

[ratti21]

อะไรเอ่ยหายไป......

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

อารมค้าง อีกแระ อิอิ

อะไรเอ่ยหายไป......

มาแระค้าบ แหะๆ สู้ๆๆ 

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

ต่อนะครับ

เรามาดูห้องถัด ๆ ไป ชมรถสวย ๆ กันครับ





จริงๆ แต่ละห้อง จะเขียนประวัติของตัวรถ และทางไกด์ก็จะแนะนำรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมากครับ แต่ผมฟังไม่ทันจริงๆ แต่ก็พอมีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยมาฝากนะครับ เช่นสิ่งของดังต่อไปนี้ 

ทางไกด์ถามพวกเราครับ ว่า ฟองน้ำ ในลูกเบสบอลตัดครึ่งที่เห็น มันไว้สำหรับทำอะไร ?





เพื่อน ๆ พอจะทราบกันไหมครับ...


ตอนแรก แต่ละคนก็เดาไปต่าง ๆ นานา  สรุปเลยครับว่า เฉลย ว่ามันคือ ฟองน้ำชุบเปียกหมาดๆ สำหรับไว้เช็ดชิลหมวกกันน็อคของนักแข่งครับ เช็ดฝุ่นเช็ดแมลง เพราะสมัยก่อนแข่งกันนานหลายรอบ และสภาพถนนไม่แน่นอนครับ นักแข่งต้องพึ่งตัวเองพอสมควร

คำถามถัดมา  .... เพื่อนทราบหรือไม่่ครับว่า ทำไมถังน้ำมันถึงมีคาดเหลืองตรงกลาง แบบนี้ ....?



ไกด์เค้าเฉลยครับ ว่า จริงๆ แล้ว ถังรถแข่งสมัยนั้น ออกแบบมาแบบโปร่งแสง ให้มองเห็นปริมาตรน้ำมันที่เหลือในถังได้ครับ มันเลยมองจากภายนอกเห็นเป็นลักษณะนี้
 


ผมเองลองส่องๆ ใกล้ๆ ก็เห็นเหมือนมีน้ำมัน เก่าๆ บูดๆอยู่ข้างในนะครับ



เดินต่อไปครับ รถจะจอดเรียงตามปีที่ผลิต ที่พัฒนาเรื่อยมาเลยครับ







ซักรูป


มาถึงอีกคำถาม ? ทางไกด์ถามพวกเราครับว่า ทำไม  รถที่ลงแข่ง WSBK และออกทีวี ถึงเปลี่ยนสี จากสีแดง ในรุ่นเก่า ๆ มาเป็นสีออกส้ม ๆ ในรุ่นปัจจุบัน  ตามภาพครับ

จากซ้าย เป็นรุ่นเก่าๆ


ที่อยู่ขวาสุด คือรุ่นหลังๆ  สังเกตุได้ครับว่า สีออกส้ม ๆ ชัดเจนครับ



ส๊มมมม ส้ม 



ทายผิดทายถูกกันไป สุดท้ายเค้าเฉลยว่า เวลาถ่ายทอดผ่านทีวี  สีของรถ จะดร็อปกว่าปกติครับ ดังนั้น ถ้าใช้สีแดงปกติ เวลาออกทีวี สีรถจะออกแดงเข้มครับ
ทางดูคาติเลยต้องแก้ด้วยการเติมสีรถให้สว่างกว่าเดิมเรื่อยมา  เพื่อเวลาออกทีวี สีรถดร็อปลง จะเป็นสีที่แท้จริงครับ

ถ้วยรางวัลมากมาย

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

เมื่อเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์เสร็จ ...  เราก็ออกมาข้างนอกครับ  เตรียมตัว สำหรับทริปขี่ในอิตาลี (ตื่นเต้นนิดหน่อย)



รถของพนักงานที่นี่ครับ จอดเรียงราย น่าถ่ายรูปสุดๆ



หันหลังมาปั๊บ เจาะภาพถังขยะ  แต่เค้าออกแบบสวยดีครับ เหมือนตู้เก็บเครื่องมือเลย  ขอถ่ายเก็บไว้ 1 ภาพ



ภาพนี้คือรถที่ทางดูคาติเตรียมไว้ให้สำหรับทริปนี้ครับ     คันของผมก็แน่นอนครับ  ไดเวล เฟสลิฟ สีดำคันหน้าสุดนี่ล่ะ



ถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนๆที่ได้รับรางวับมาด้วยกัน และคุณ David James (เสื้อขาว)
Marketing Director (Asia) at Ducati Motor Holding



ทุกคนเริ่มแต่งตัว กันแล้วครับ ... ไปครับ  เพื่อนๆ  เราไปขี่มอเตอร์ไซค์ บนเขาในอิตาลีกัน

[gonote_sk]

อ้าวกำลัง ฟิน เลยเลย 

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

อ้าวกำลัง ฟิน เลยเลย 

เตรียมเขียนต่อค้าบ


ฝากติดตามอีกผลงานด้วยค้าบ 
บันทึก การเดินทาง Shangri-la,China >> 5-14/4/2014
http://www.ducatibikersthailand.com/board/index.php?topic=15617.0

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

และแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางครับ  .. จุดหมายปลายทางวันนี้ คือ ที่พักครับ ซึ่งอยู่ในเขา ห่างจากที่นี่ไปประมาณ 100 กิโลเมตรได้ครับ   ตื่นเต้นสิครับ จะได้ขี่มอเตอร์ไซค์ในอิตาลี แถมเป็น ตัวไดเวล เฟสลิฟ ด้วย ตัวใหม่ เครื่องใหม่ แรง และสมูทกว่าเดิม  ...  ซึ้งครับ ซึ้ง .. ดีใจที่ได้มาครับ



ณ.จุดพักรถครับ .. หลายๆคน เลือกที่จะขี่มัลติสตราด้ากัน  คงเพราะมันเหมาะกับการขี่ทัวริ่งจริงๆครับ .. แต่ผมมาขี่เอาหล่อครับ ขอหล่อไว้ก่อน ทั้งที่ไดเวล ฐานล้อกว้าง และพลิกรถในโค้งแคบยากกว่ามัลติ เยอะครับ 

เพื่อนๆ ต่างชาติครับ เธอซ้อนแฟนครับ เป็นคนอังกฤษ ..(คุยกันสนุกครับ เพราะผมพูดไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ 555)





ทางขวาคือ เจ้าหน้าที่สต๊าฟ มาแชลของทางดูคาติครับ  ขี่เก่งมากๆ ดูแลดีมากครับ


รถคู่กายไปอีกสามวัน




ถนนบ้านเค้า ตามทางในเขา  ทางจะไม่ค่อยใหญ่มากครับ คงคล้ายๆ เราวิ่งในเขาใหญ่ครับ  มีทั้งถนนที่ดีๆ และทางที่แตกๆบ้าง ชื้นๆบ้างเล็กน้อย แต่ขี่แล้ว มันได้อารมณ์มากครับ อากาศก็เย็นสบายสุดๆ ไอร้อนของรถ ทำให้เราอุ่นกาย สบายด้วยครับ   ไม่เหมือนขี่ในไทย ไอร้อนของรถ จะทำให้เป็นลมนะครับ





แวะเติมน้ำมันครับ



ราคาน้ำมัน ลิตรละประมาณสี่สิบบาท แทบไม่ต่า่งกับบ้านเราครับ




และแล้วก็มาถึงที่พักครับ ทางดูคาติ จัดหาที่พัก ระดับ 5 ดาว บวก ๆ กันเลยครับ  หรูมาก  ชื่อที่พักว่า Palazzo di Varignana Resort อยากพาแฟนมาด้วยเลย



สภาพห้องครับ



ไอ้โถล้างก้นนี่ ...  ยังไงก็ไม่เคยลองครับ   เอาน้ำใส่ขวดไปล้างก้นดีก่า 



ที่นี่ให้ปลั๊กมาครบทุกแบบครับ สบายกว่าที่แรก


แผงกั้น สูงๆขาวๆ นี่  เอาไว้ทำอะไรครับ  ใครรู้บ้างเอ่ย ใช่ฮีตเตอร์รึเปล่า ^^' คือเห็นมีวาว์ลน้ำ แต่ผมไม่ได้เปิดนะครับ



เมื่อทุกคนพักผ่อนพอแล้ว เราก็พร้อมสำหรับอาหารเย็น   ที่นี่ ก่อนเริ่มกินอาหารเย็น จะมีเหมือนมื้อรองท้อง จิบไวน์ คุยกันก่อนครับ   (คือจริงๆผมหิวมาก )

เราก็ต้องเออ ออ ห่อ หมกครับ   คุยกันก่อน ๆ  ก่อนที่จะไปทานมื้อหลักกัน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ครับ   เป็นอันจบวันที่สองของการเดินทาง ทริป อิตาลีครั้งนี้ครับ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

ต่อคับ

เช้านี้ ตื่นมาด้วยความสดใส  อากาศกำลังเย็นสบาย เลยครับ  น่าขี่รถมากๆๆ


วันนี้ ตอนทานข้าวเช้า ทางมาแชล บอกว่า เราจะลุยเข้าไปในสนาม Mugello กัน   หง่ออออ  ... ผมละอยากไปถึงไวๆครับ เห็นว่ามีการลงซ้อมเตรียมแข่งขันด้วย

หน้าตา ยังไม่ตื่นดี



ทุกคน เตรียมพร้อมครับ



บรรยากาศสองข้างทาง ที่ขี่ผ่านมา  ต้องขอบอกว่า  แฮปปี้มาก ถนนดีครับ ถึงจะแคบไปนิดนึง โค้งสวย และวันนี้ มีพวกบิกไบค์มาขี่บนถนนเยอะเลยครับ  เราทักทายกันไปตลอดทาง   

มีนักปั่นจักรยาน ขี่มาด้วย  ซึ่งน่าจะขี่มาไกลมากนะครับ เก่งจริงๆ ในเขาด้วย


แดดดีครับ  แสงจ้า







ชอบมุมนี้ครับ ขอยืนเป็นนายแบบด้วยคน





เพื่อนคนไทยร่วมทีมครับ 





ภาพนี้ ไม่มีอะไรมากครับ แค่ หมา มันอยู่ในรถ แต่พอมองแล้วอย่างกับคนขับ เห็นว่าน่ารักดี เลยถ่ายไว้ อิอิ




เรามาจอดแวะที่นี่ ซึ่งเป็นร้านที่ชาวสองล้อ ทุกกลุ่ม จะมาแวะพักกัน และติดสติ๊กเกอร์สร้าง Landmark กันนะครับ  เสียดาย ผมไม่ได้ติดของคลับเรามา




น้ำกระป๋อง  monster energy ที่นี่ มีขายทั่วไปครับ



ไอติมคับ



อันนี้ น่าจะเป็น พื้นที่  ที่ทางร้าน ให้ฝากภาพรถไว้ซื้อขาย ได้ครับ 

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

ต่อนะคับ  เดี๋ยวเรา จะไปต่อกันที่ สนาม Mugello Circuit แล้วคร้าบ

เส้นทางที่ขี่ไปครับ   มีข้อสังเกตุที่ผมชอบอย่างนึง คือ ตามทางแยกในต่างจังหวัดนั้น  ที่อิตาลีเค้าจะไม่มีไฟแดงนะครับ  และแยก ก็จะไม่ใช่สี่แยกตรงๆ  แต่จะใช้วิธี ทำวงเวียนไว้แทนครับ  ซึ่งข้อดีของวงเวียนคือ รถที่มาถึง จะต้องชะลอความเร็วทุกคัน  และไม่มีการติดสัญญานไฟแดงให้เสียเวลานะครับ  ผมว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากๆเลย  ซึ่งที่ขี่ไปนั้น ผ่านวงเวียนบ่อยมากครับ



มุมมอง หน้าจอ





ป้ายสนามโอลิมปิก อะไรซักอย่างครับ 555 



และแล้ว ผมก็ขี่มาถึงครับ กับสนาม Mugello Circuit ที่โด่งดัง และใช้ในการแข่งขันรายการ Moto GP ด้วยนะครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Mugello_Circuit

ขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกถึงประสบการณ์สุดยอดครั้งนี้ สักหน่อย ขี่มาเองเลยทีเดียว


ทางเจ้าหน้าที่ใจดีให้ขี่เข้าไปดูทิวทัศน์ได้ครับ



มีการซ้อมแข่งพอดี สุดยอดมากๆๆ





สามหนุ่มหล่อชาวเอเชีย  ถ่ายรูปร่วมกันสักหน่อยครับ



เมื่อออกจากสนาม เราก็ไปต่อครับ ไปทานข้าวกันดีกว่า  เห็นเค้าบอกว่าร้านที่จะไปนี่ อาหารอร่อยแบบดั้งเดิมสุดๆครับ

เติมน้ำมันกันก่อน


เติมกันเองนะครับ




มาถึงที่ร้านอาหารครับ  บรรยากาศ ดูเป็นแบบชนบทในอิตาลี อบอุ่น เงียบสงบ ร่มเย็น เป็นกันเองดีครับ




ดอกไม้ และความเงียบสงบ



ที่พื้นหน้าร้านเขียนข้อความอะไรไว้นะ



คุณลุงเจ้าของร้าน ออกมาทำอาหารด้วยตัวเองครับ ในภาพ กำลังเอาถ่านร้อนๆ ออกมาจากเตาครับ



เอามาเตรียมย่างเนื้อกันตรงนี้เลย


คือ... เป็นการปรุงที่ง่ายแต่ได้ใจมากครับ เนื้อหมัก วาง ย่าง กิน จบ


เตรียมทาน


ที่นี่จะมีเสริฟอาหารประเภทแป้ง เป็นออเดิฟ ก่อนเนื้อสัตว์ครับ


น้ำเปล่าที่นี่ มีแบบอัดฟองด้วยครับ เหมือนดื่นน้ำโซดาอีกเช่นเคย  ซ่าทั้งคอ



เนื้อกำลังจะสุกแล้ว (แต่ผมไม่กินเนื้อวัว  )


มาละครับ เต็มที่กับเนื้อ


ดีกว่ามีหนมปังกับไส้กรอกหมูให้ผมด้วย  โรยชีสเข้าไป อร่อยมาก



ไวน์เค้า ดูจะเก่าเก็บไปนะครับ ยังเอามาดื่มได้จริงๆรึครับ



หัวกดเบียร์บ้านเรา ของเค้า เป็นหัวกดน้ำเป็ปซี่แฮะ



กระป๋องโค้กไลท์  ภาพน่าทานดีครับ



ระหว่างทาน เราก็สำรวจเส้นทางที่จะขี่กลับครับ และเห็นได้ว่า โค้งโหดๆ รอเราอยู่



เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว เราก็เตรียมไปต่อครับ ช่วงบ่ายยังอีกยาวไกล ขอบคุณคุณลุงเจ้าของร้านสำหรับอาหารอร่อยๆนะครับ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

ต่อนะครับ

หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็เตรียมขี่กลับครับ 

ระหว่างทางก็มีแวะพักกันบ้าง ชมวิวเทือกเขาตลอดทางครับ



จุดพักต่างๆ ก็จะมีชาวบิกไบค์จอดพักให้เห็นตลอดทาง แม้เราจะพูดกันไม่รู้เรื่อง  แต่เราส่งสายตาให้กันครับ 555 



ภาพนี้ ไม่มีอะไรมากครับ ผมแค่แปลกใจว่า เพื่อนชาวอังกฤษที่ร่วมทางมา ทำไมเข็มขัดเค้ามีที่รั้งด้วย .. สรุปคือ เอาไว้ให้แฟนจับครับ 



ภาพนี้กลับถึงที่พักเรียบร้อยแล้วครับ ถ่ายบรรยากาศยามเย็นซักหน่อย  อากาศเย็นสบายมากครับ



สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาผมอีกเรื่องหนึ่ง คือจักรยานคันนี้ครับ อยากหิ้วกลับไปไทยจังเลย





ระบบขับเคลื่อนอะไรหนอ



ดินเนอร์คืนนี้ก็เหมือนเดิมครับ มาชิลนั่งคุยกันก่อนแปปนึง (ผมหิว)



ที่โต๊ะอาหารครับ



และก็เหมือนเช่นเมื่อวาน เราสำรวจแผนที่เส้นทางที่จะขับขี่วันพรุ่งนี้ซักหน่อย ซึ่งก็ยึกยือๆเหมือนเดิม



ถ่ายรูปรวมกลุ่มเพื่อนร่วมทริป หนึ่งภาพครับ



เช้าวันถัดมา วันนี้ คือวันสุดท้ายที่จะได้ขี่ออกทริปครับ  เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศสดใสสุดๆ  ฟ้าใส อากาศเย็นสบาย น่าขี่รถมากๆๆๆๆ




อาหารเช้าวันนี้ครับ คือที่นี่เค้าก็มีอาหารหลากหลาย และบุฟเฟ่นะครับ แต่ .. ผมตักกินได้แค่พวกนี้เองครับ แหะๆ



ทุกท่านเตรียมพร้อมที่รถ ...   อ้อ .. เรื่องเวลานัดต่างๆนี่  ที่นี่เค้าถือกันเคร่งครัด สุดๆไปเลยครับ  โดยเฉพาะเวลาล้อหมุน  เปะมากๆ
ใครไม่พร้อม ใครหายนี่  มีเดินไปตามให้มาพร้อมกันให้ได้เลยครับ ก็เป็นระเบียบและทำให้เวลาต่างๆรัดกุมมาก สำหรับการออกทริปเป็นหมู่คณะ





รถของต๋วน ครับ  เพื่อนชาวเวียดนาม 



ถ่ายรถตัวเองซักหน่อย 



อย่างที่บอกครับ วันนี้ แดดดี ฟ้าใส อากาศเย็น  สบายสุดๆครับ เหมาะกับการขี่เที่ยวมากๆ วิวสวยอีก





ภาพนี้ อยากให้เห็นครับ ว่าอากาศเย็นแค่ไหน ...  น้ำค้างบนใบไม้ที่เห็นนั้น  เป็นน้ำแข็งนะครับ



โกมนครับ เพื่อนชาวไทยที่ร่วมทริปไปด้วยกัน



จุดนี้ที่หยุดพักกันเพราะ จะมีโค้งสวยๆในเขาครับ ทางมาแชลจะถ่ายรูปให้ 



ดูถนนด้านหลังไกลๆสิครับ  เหมือนในการ์ตูน ที่ผมเคยอ่าน พวกการ์ตูน นักปั่นจักรยานขึ้นเขาเลยครับ 



และก็มีนักปั่นมาจริงๆเสียด้วย  .. มาปั่นกันเยอะม้าก





เฮลโล่

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

ขี่มาถึงจุดพัก อีกจุดนึงครับ ก่อนจะไปถึงร้านอาหารที่เป็นเป้าหมายของเราวันนี้



ที่นี่ มีร้านเล็กๆน่ารัก ให้สั่งกาแฟทานด้วย





หนังสือ นิตยสารก็มีให้อ่านครับ (ฟรีไหม ไม่แน่ใจ แต่วางมั่วนิดๆ )



ร้านนี้ คุณลุงเต็มร้านคร้าบ



มุมนี้ ถ่ายละมันได้บรรยากาศดีคับ





ระหว่างทางไปร้านอาหาร ก็มีทำทางบ้างครับ ต้องจอดรอ ให้อีกฝั่งขับมาก่อนครับ





จุดนี้คือ จริงๆ เรามาแวะเติมน้ำมันก่อนทางขึ้นเขาชันๆครับ  แต่.. ที่ปั๊มนี้ มันมีของสุดยอดอยู่ครับ

คือที่นี่ เค้าเป็นอู่รถโบราณด้วยคับ สุดยอดเลย แต่ละคัน





ทางเจ้าของอู่ เดินมาต้อนรับเราด้วยตัวเอง และแนะนำรถต่างๆที่เค้าปั้นอยู่ครับ  แต่ผมฟังไม่ออก เค้าพูดอิตาลี (ลำพังพูดอังกฤษก็แย่แล้ว)





รู้แค่ว่า มันสวย คลาสสิค สุดๆไปเลยครับ





ตัดมาจากที่ปั๊มน้ำมัน เราขี่มาตามทางในเขา ช่วงที่ใกล้ถึงร้านจะชันและแคบมากครับ ทางผู้นำขบวน ถึงกับต้องเตือนเรื่องเส้นทางเลย  แต่เราก็ผ่านกันมาได้ครับ (ยังมีขากลับอีก )



บรรยากาศ  วิวทิวทัศน์  สวยสุดๆครับที่นี่





สานสัมพันธ์ มิตรภาพ  ไทย อังกฤษ เวียดนาม 



ที่ร้าน มีสุนัขเลี้ยงแกะ ด้วยครับ สองตัว   น่ารัก ขี้เล่นสุดๆๆๆๆ (ทั้งที่หน้าตาไม่ค่อยให้)  ชอบเล่นลูกบอล และชอบวิ่งไปเก็บ แข่งกันสองตัวครับ น่ารักมากๆ





บรรยากาศในร้าน ดูขลังๆ เก่าแก่ ได้อารมณ์อีกแบบครับ คือ เวลาเราไปเที่ยวในไทย เค้าก็ทำคล้ายๆกันแต่อันนั้นเป็นการตกแต่ง แต่ที่นี่ มันคือของแท้เลย  เลยทำให้ฟิลลิ่งการกินอาหาร มันถึงรสชาติมากขึ้นนะครับ







ของโปรดผมครับ  เกี๊ยว ราด ชีสเยอะๆๆๆๆ  ที่นี่ ชีสไม่อั้นนะครับ อารมณ์เหมือนน้ำปลาพริก 555



หลังจากทานเสร็จเราก็ขี่กลับครับ โดยจุดหมาย คือ ที่โรงงานดูคาติเลย  นี่จึงเป็นการขี่รอบสุดท้ายแล้วครับ      เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ

ตัดภาพมา ตอนถึงโรงงานแล้วครับ


รถคู่กาย ตลอดสามวันมานี้



เลอะ เต็มที่ครับ





เมื่อจอดรถเสร็จ เดี๋ยวเราจะเข้าไปทำแบบสอบถาม และบทสรุปทริปกันนะครับ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

ต่อคร้าบ ใกล้ถึงบทสรุปทริปแร้วววว


เมื่อจอดรถเรียบร้อย ระหว่างรอ สัมภาระ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะให้มาทำแบบสอบถาม ถึงภาพรวมความพึงพอใจกับทริปที่ไปมานะครับ



ตั้งอกตั้งใจกันทุกคน


และแล้ว ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ...  นี่ก็เป็นอีกครั้งนึงครับ ที่ความสนุก ประสบการณ์ดีๆ ที่ได้พบเจอ ถึงเวลาต้องจบลงอีกครั้ง  แต่มิตรภาพและความทรงจำดีๆที่ได้รับ จะไม่มีวันหายไปครับแน่นอนครับ





ภาพโรงงาน ดูคาติ ที่โบโลญญ่า .. จากที่เคยเห็นแต่ในอินเตอร์เน็ต สู่วันแรก ที่ได้มาเจอด้วยตาตัวเอง   จนวันนี้ ที่จะต้องจากกันแล้ว



กับทริปนี้ ...  เมื่อผมคิดถึงมัน  มันก็เหมือนชื่อทริปครับ ... Ducati Dream Tour มันเป็นทริปที่เหมือนฝันไปจริงๆ ได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ตั้งแต่ ไปคนเดียว โดยเครื่องบินทั้งลำมีแต่ฝรั่ง นั่งไปยาวนานมากจนไปถึง  ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่สื่อสารด้วย ท่าทางการขับขี่ ได้เข้าใจทันที  โรงงานดูคาติ ที่เคยเห็นแต่ในเน็ต ... การขี่ในเขา ท่องเที่ยวไปตามโค้ง ในโบโลญญ่า อาหารที่ไม่คุ้นเคย  ที่พัก ที่สุดแสนสบาย รถไดเวล เฟสลิฟ ที่เครื่องแรงกว่าเดิม เอามาให้อัดเต็มที่ .. สิ่งเหล่านี้ เป็นความประทับใจ ที่คงไม่มีวันลืมแน่ๆครับ   

ผมเอง ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทุกๆท่าน ที่ช่วยกดโหวต ภาพการเดินทางทริปแชงกรีล่า ของผม  จนทำให้ผมได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวกับทริปสุดยอดขนาดนี้  ....  ขอบคุณมากๆนะครับ   และขอบคุณ ทาง DUCATI APAC ด้วยครับ สำหรับกิจกรรมสุดยอดขนาดนี้  ใจนักเลงสุดๆครับ



....... ยังมีต่อ 
หลังจากที่เรามาถึงที่พักเรียบร้อย ...   เย็นนี้ เราตกลงจะไปตลุยในเมืองโบโลญญ่ากันครับ

ตอนนี้ เราเหลือกันสี่คนแล้ว หัวดำล้วนๆ ตลุย โบโลญญ่า   โดยเราตกลงจะไปรถเมล์กันครับ



สภาพภายในรถเมล์   ขอบอกว่า  มาตรงเวลาเป้ะเวอร์ครับ คลาดเคลื่อน ไม่เกิน 1 นาที  จากที่ระบุที่ป้ายรถเมล์ครับ 


ช่วงเดินทางไป บ้านเมืองเงียบสงบครับ ที่นี่เค้าดัง เรื่องมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกครับ คือ มหาวิทยาลัยโบโลญญา BolognaUniversity of Bologna  ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.1631 (ค.ศ.1088)  ก็ประมาณ 927 ปี มาแล้วครับ (นานมากๆ )



เดินมาถึงใจกลางเมือง  เปียสซ่า มัจโจเล่" (Piazza Maggiore) จัตุรัสขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในใจกลางของส่วนเมืองเก่า  มีการรวมตัว ขายของ เหมือน สยาม บ้านเราเลยครับ

อันนี้ เป็นที่ฝึกเดินสกี สำหรับเด็กครับ (อยากลองบ้าง)




ถ่ายกับป้ายหินอะไรซักอย่าง มันดูเก่าดีครับ



ที่นี่ มีเปิดโชว์ ศิลปะการต่อสู้ด้วย เผื่อใครสนใจจะเรียนนะครับ  มีมวยไทยด้วย เราคนไทย ยืนมองแล้ว ภูมิใจ



ดูเสื้อซะก่อน



เอาจริงเอาจัง ทุกคนครับ



หอคอยเดลี่ อสิเนลี่" (Tower of the Asinelli) "หอคอยการิเซนดา" (Tower of the Garisenda) ซึ่งบางครั้งมักนิยมเรียกกันว่า อาคารหอคอยคู่ (Two Towers) เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมาดูด้วยตา ครับ  เก่าแก่มาก



จิตรกร คนนี้ เขียนสี บนพื้นเลยครับ



อาหารน่าทาน เยอะมากๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อวัว สไลด์ดิบๆครับ ผมกินไม่ได้



ขนม เย้ายวนใจสุดๆ



พิซซ่า เตาดิน  อร่อย กรอบมากครับ



ที่ตลกอีกอย่างของที่นี่ คือ   พาสเวิร์ด  wifi ตามร้านอาหาร   เค้า ยาว มากๆๆๆๆ ต้องพิมพ์ทั้งหมดเลยครับนี่



นี่เป็นคืนสุดท้ายครับ ตอนกำลังรอรถเมล์กลับที่พัก   ลาก่อน โบโลญญ่า



  เป็นอันจบครับ ทริปประทับใจอีกครั้งในชีวิตผม นอกจากทริปแชงกรีล่า   ....  คุ้มค่า มีความสุข โชคดี หลายอย่างปนเป มากมาย เมื่อคิดถึงทริปนี้  ...  ขอบคุณที่ร่วมอ่าน ร่วมติดตามการเดินทางกับทริปนี้ ของทุกๆท่าน มาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ


ไว้พบกันในทริปถัดๆไปนะครับ

GOLFFY

[ratti21]