Ducati Dream Tour : The Best Tour With DUCATI [18-22/09/2014]

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

หลายครั้ง ที่ผมออกทริปผ่านๆ มา ... ทุกเส้นทาง เต็มไปด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ ได้พบปะผู้คนมากมาย  คุยกัน ทักทาย สวัสดีชาวท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว นักเดินทาง  ผมคิดว่า การออกทริปในไทย ไปทุกเส้นทางที่อยากไป  พักผ่อน มีความสุขกับการใช้ชีวิต โดยมีสองล้อเป็นเพื่อนที่พาเราไป มันเป็นสิ่งที่มีความสุข และเราสามารถเติมเต็มความเป็นตัวเราได้เสมอ ..   

แต่ ตั้งแต่วันที่ผมได้ทราบ  ว่าผมได้รับรางวัล จากการประกวดภาพถ่าย DUCATI STRADA - ASIA CONTEST ซึ่งจัดโดย Ducati APAC  LINK: https://www.facebook.com/ducatiasiapacific  ... ผมก็ได้รับรู้ว่า ประสบการณ์ที่ผมจะได้พบเจอที่ยุโรปนั้น มันเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย กับทริปที่เติมเต็มความเป็นตัวเรา และเติมความฝัน ที่มีกับสองล้อ แบรนด์ ดูคาติ ให้เต็มได้ขนาดไหน



กระทู้นี้ อาจใช้เวลานานซักนิดนึงกว่าจะลงข้อมูลครบนะครับ  แต่ผมอยากเก็บรายละเอียดที่ได้พบเจอ มาให้เพื่อนๆ ได้สนุกไปด้วยกับมันจริง ๆ และหวังว่า เพื่อนจะชอบการรีวิวทริป Ducati Dream Tour ครั้งนี้ของผมนะครับ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

จุดเริ่มต้น และการเตรียมตัว...

เรื่องราวการเดินทางนั้น มันเริ่มต้นขึ้น เมื่อทาง DUCATI APAC ได้จัดกิจกรรม DUCATI STRADA - ASIA CONTEST ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้ชาวดูคาติ ที่อยู่ในเอเชีย โดยเฉพาะ อาเซียน ได้ส่งรูปเข้าร่วมสนุก โดยรูปถ่ายที่ส่งนั้น ต้องเป็นรูปรถของตัวเอง และในรูปต้องบ่งบอกถึงการใช้ดูคาติ ท่องเที่ยว ผจญภัย ไปในที่ต่าง ๆ
ซึ่งเมื่อโจทย์ได้มาแบบนี้ ... ผมเอง ไม่ลังเลเลย ที่จะส่งรูปรถของตัวเอง ครั้งที่ไปออกทริป แชงกรีล่า ที่ประเทศจีน เข้าร่วมสนุก  ซึ่งนั้นก็คือ ภาพนี้ครับ




Name: Pongsin Sangkajantranon

Nationality: Thai

Quote: For about 5,000 kilometers I ride my Ducati Multistrada from Bangkok,Thailand to catch my dream. We met with a lot of curves and sand on the road. But we are ready to head next, to follow our dreams. That is riding on two wheels to the Shangri-La (Lost of horizon). Finally we make our dreams come true.

Location: Shangri-La,China


ซึ่งในภาพนี้ ถ่ายระหว่างทางที่จะไปถึงแชงกรีล่าครับ เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนมาก ๆ และที่ปลายภาพไกล ๆ นั่นคือ ภูเขาหิมะมังกรหยก ครับ ผมเอง ก็ได้เขียนบรรยายใต้ภาพไปว่าเป็นทริปที่ลำบาก แต่เพื่อทำตามความฝันที่อยากจะขี่สองล้อจากหน้าบ้านตัวเอง ไปยังแชงกรีล่า ก็ต้องลุย โดยมีเจ้านกหวีด มัลติสตราด้า เป็นเพื่อนร่วมทาง    ...   ซึ่งปรากฎว่าภาพนี้ ก็ถูกใจคณะกรรมการจากทางอิตาลี   จนในที่สุด ผมก็ได้รับอีเมล แสดงความยินดี ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 3 คนของเอเชีย ที่ได้รับรางวัล ท่องเที่ยว DUCATI DREAM TOUR ครับ 

ตอนแรก ผมเข้าไปอ่าน ว่า Ducati Dream tour คืออะไร ผมก็เข้าใจว่า คือ การขี่มอเตอร์ไซค์ เที่ยวชมสถานที่สำคัญในอิตาลี ครับ  ..  แต่จริงๆ แล้วมันมีอะไรมากมายกว่านั้นมาก ลองติดตามกันดูนะครับ

[piyathatt]

รอมา update นะครับ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

สิ่งแรก ที่ต้องเตรียม และยุ่งยากที่สุดในการเดินทางไปยุโรป นั่นคงหนีไม่พ้น การขอวีซ่านะครับ  แถมได้รับรางวัลมาแล้ว และจองโรงแรม จองตั๋วเครื่องบินให้แล้วด้วย ถ้าวีซ่าไม่ผ่าน อดบินไปร่วมทริปนี่ ไม่รู้จะแก้ตัวว่าอย่างไรเลยทีเดียว



ผมเอง ต้องบอกก่อนเลยครับ ว่าไม่เคยไปยุโรปมาก่อน และความรู้เกี่ยวกับเรื่องการขอวีซ่านั้น น้อยมาก  ก็เริ่มจากหาข้อมูลทางเน็ต เห็นว่าต้องมีการซื้อประกันภัย และเอกสารมากมายครับ สุดท้าย เลยไปใช้บริการ ร้านรับทำวีซ่าและแปลเอกสาร ที่ตึกมหาทุน เพลินจิต ดูแลดีมากครับ ช่วยกรอกเอกสารใจเย็น เขียนให้ ซื้อประกัน และแนะนำข้อมูลอีกเยอะ ขออนุญาติให้เครดิต สำหรับเพื่อนที่สนใจนะครับ ชื่อ บริษัท worldwide Visa :Tel.02 651 4546 ซึ่งพอไปยื่นเอกสาร เจ้าหน้าที่บอกไว้ว่า ไม่เกิน 14 วัน ก็ใกล้วันเดินทางอีกครับ ตื่นเต้น กลัวไม่ทัน แต่สุดท้าย ผ่านไป 5 วันก็มี sms แจ้งมาว่าให้ไปรับเล่มพาสปอร์ตได้  ดีใจมากครับ ที่ผ่านฉลุย

และอีกเรื่องที่จะลืมไม่ได้เลย นั่นคือ ใบขับขี่สากลครับ เพราะเราไปขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย ผมเอง ตอนแรก ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยครับ มัวแต่ไปสนใจเรื่องวีซ่า เหลือเวลาอีกสามวันจะบินพึ่งนึกออก  ดีนะครับว่า ที่ขนส่ง ใช้เวลาทำแค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว รอดตัวไปครับ  เพราะทางดูคาติ อิตาลี เค้ากำหนดเป็นข้อตกลงไว้เลยว่าถ้าจะไปขี่รถของเค้า เราต้องมีใบขับขี่สากลนะครับ

อีกเรื่องหนึ่ง ที่ต้องเตรียม นั่นคือ  เสื้อการ์ด ถุงมือ หมวกกันน็อค รองเท้าการ์ดครับ  .. เพราะงานนี้ ผมเอง ก็ไปในนามประเทศไทยคนนึง จะแต่งตัวง่ายๆ ไม่เต็มยศ คงจะไม่ได้ กระเป๋าจึงใบใหญ่มากครับ ทั้งที่ไปแค่ ห้าวัน ปกติ เสื้อไม่กี่ตัว กางเกง ตัวเดียว ก็พอแล้วสำหรับผม 555



โดยเฉพาะ หมวกกันน็อค กับ รองเท้าบู๊ทนี่ กินพื้นที่มากครับ ยัดลงไปแน่นเลยทีเดียว แต่ก็เรียบร้อยดี  เอกสารพร้อม แพ็คกระเป๋าแล้ว  พร้อมเดินทางแล้วครับ   

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

รอมา update นะครับ

ขอบคุณที่ติดตามครับ จะมาอัพเดทเรื่อยๆครับ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่หนักใจของผมเอง  คือ ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งครับ 555  คือ ก็พอฟังเข้าใจ และสื่อสารได้บ้าง แต่แหม เรามันคนไทยครับ ไม่ค่อยได้ออกท่องโลกกว้างเท่าไหร่   กับการเดินทางคนเดียว ไปยุโรปหนนี้ จึงค่อนข้างเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ และน่าตื่นตา มากๆสำหรับผม    ก็นะครับ มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีถอยแน่นอน ลุยอย่างเดียว





ขึ้นสายการบิน KLM ของ อัมสเตอดัม ครับ เอิ่ม  ไม่ชิน  ฝรั่งเต็มลำเลยทีเดียว .. นั่งเครื่องเที่ยวนี้ ยาวนานนัก กว่า 16 ชั่วโมงเลยครับ (ปกติ ไกลสุดก็นั่งไปจีน สองชั่วโมง ) ก็นั่งเมื่อยๆไปเรื่อย ๆ ครับ หลับบ้างตื่นบ้าง ดูทีวี ดูหนังจบไปหลายเรื่อง   และแล้ว ในที่สุด     มีต้องลงทรานเฟอร์เครื่องไปโบโลญญ่า นั่งรอที่สนามบิน ก็สนุกดีครับ ได้เดินทางใหม่ ๆ  อ้อ .. ขอบอกเพื่อนๆบางท่านที่อาจยังไม่เคยมาประเทศในแถบสหภาพยุโรปว่า กองตม.(ตรวจคนเข้าเมือง)ที่นี่ เค้าตรวจที่เดียว ที่สนามบินที่ทรานเฟอร์ หลังจากนั้น เราจะเดินทางได้ทั่วประเทศสหภาพยุโรปเลยครับ เช่น ผม ลงเครื่องที่อัมสเตอร์ดัม เนเธอแลนด์ และต่อเครื่องไปอิตาลี ก็ผ่าน ตม. แค่ ที่อัมสเตอร์ดัมครับ ง่าย และสะดวกดีครับ 

ผมก็มาถึงยุโรป เตรียมเริ่มทริปขี่ตะลุยโบโลญญ่าละครับ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

หลังจากที่มาถึง โบโลญญ่าเรียบร้อย .. เวลาที่นี่ช้ากว่าเราหกชั่วโมง ดังนั้นผมจึงมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นครับ   

เมื่อถึงโรงแรม สิ่งแรกเลยที่ตามหา  คือปลั๊กไฟครับ เพราะแบตมือถือจะหมดแล้วครับ  และสิ่งที่พบ นั่นก็คือ



รู 3 รูครับ  อย่าบอกนะ ว่านี่คือปลั๊กไฟ



เนื่องจากผมเอง ลืมเตรียมตัวในเรื่องปลั๊กไฟครับ และคิดว่าที่นี่ ก็คงมีรูเสียบไม่ต่างจากที่ไทย แต่ที่ไหนได้  เป็นรูกลม ๆ เสียนี่  .. ถึงตอนนั้น ก็ลนนิด ๆ ครับ เพราะมันเสียบด้วยกันไม่ได้จริงๆ  กะเอามือถือมาไว้ถ่ายรูปเสียด้วย ถ้าไม่มีท่ชาร์ตนี่ แย่เลยครับ   เช้าอีกวันเลยออกไปเดินหาตัวอแดปเตอร์พ่วง และแล้วก็เจอในร้านขายเครื่องไฟฟ้าเล็ก ๆ ในเมือง ในราคา 3 ยูโร ครับ  รอดตัวไป



หลังจากชาร์ตไฟเต็มแล้ว พอสิบโมงก็ถึงเวลาที่จะเดินทางไปที่โรงงานดูคาติแล้วครับ (ห่างจากโรงแรมกิโลเดียว) ตื่นเต้น ๆ 

เส้นทางที่ไป ...  วันนี้ ฝนตกเปียกๆ ครับ  เดี๋ยวช่วงบ่ายต้องมีขี่มอเตอร์ไซค์ในเขากันด้วยสิ



บ้านเมืองเค้า ขี่ชิดขวา ทำให้สับสนเล็กน้อยเวลาข้ามถนนครับ ว่าควรมองด้านไหนก่อน

[PhaT_RaTchaDa]

รอ.. ติดตามอยู่ครับ​ 

[aya777]

  รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะครับ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

  ช่วงนี้ งานเยอะ แทบขาดใจ  จะมาเขียนเรื่อยๆนะคับ ความทรงจำเต็มหัวเลย

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

เช้าวันนี้ ...  ฝนตกพรำ ๆ ครับ  (แอบเซ็งนิดนึง)   และอีกแค่อึดใจเดียว ผมก็จะถึงโรงงานประกอบรถดูคาติ ในเมืองที่เป็นต้นกำเนิด คือ เมืองโบโลญญ่า แล้ว และเมื่อรถแท็กซี่ที่มารับ เลี้ยวซ้าย ที่สี่แยกปั๊บ !!




ผมก็ได้เห็นโรงงานแล้วครับ (เคยเห็นแต่ในอินเตอร์เน็ต) บอกตรงๆ  ว่าไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอของจริงครับ

เมื่อเข้ามาถึงบริเวณโรงงาน ผมก็ได้รับการต้อนรับจากทางเจ้าหน้าที่ และมาลงทะเบียน ยื่นเอกสารต่าง ๆ รวมถึงฟังบรรยายสรุปเส้นทางการขับขี่ การเดินทาง กฎระเบียบ และรู้จักผู้ร่วมทริปกันนะครับ

ถนนในโรงงาน (อาคารชั้นสองขวามือ จะเป็นพิพิธภัณฑ์นะครับ) อากาศเย็นมาก น่าจะประมาณ 13 องศาได้ครับ หนาวใช้ได้เลย


ผู้ร่วมทริปเข้ามาลงทะเบียน ส่งมอบสัมภาระใส่รถตู้ และฟังการกล่าวต้อนรับและบรรยายทริป




ชมวิดีโอเล็กน้อย


เส้นทางการขับขี่ สามวันครับ  กว่า 600 กิโลเมตร ในเขาตลอดทางครับ สุดๆ



เมื่อฟังบรรยาย และกล่าวแนะนำตัวเสร็จ เราก็จะเดินไปทานข้าวกันครับ ก่อนจะไปเข้าชมโรงงานผลิตกันต่อ (อยากเดินในโรงงานมากๆ )



มุมมหาชนครับ


นี่คือส่วนของโรงอาหารสำหรับพนักงานครับ ในเมื่อเรามาเป็นส่วนหนึ่งของ Ducati Dream tour เราก็ควรจะรับรู้รสชาติให้หมดครับ ผมว่าการได้ทานอาหารกลางวัน ในโรงอาหารของดูคาติเองร่วมกับพนักงานคนอื่นๆ นั้น เป็นเสน่ห์อย่างนึงนะครับ ได้สัมผัสกันแบบจริงๆ ไม่มีจัดฉากใดๆ



ที่นี่ ทุกคนอยากหยิบอะไร หยิบครับ สั่งคุณป้าได้หมด แล้วค่อยไปจ่ายตังค์ทีเดียว  มีทั้งบูทสลัด บูทของทอด สเต็ก  ไก่ทอด ปลาทอด ผัดผัก มากมายครับ
ผมเอง  บอกตรงๆว่า ยืนตรงนั้น แล้วทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ต่อแถวผิดๆถูก ๆ แต่ก็นะครับ .. ใครจะไปรู้ทุกอย่าง ต่อผิดแถว ก็ต่อใหม่ครับ 

สังเกตุ ข้างหลังป้าแคชเชียร์ ยังมีรถดูคาติเลยครับ ชอบ




ตอนเรามาถึงตอนแรก คนน้อยครับ คงเพราะยังไม่ถึงเวลาพัก  แต่แค่ห้านาทีมั้งครับ คนมหาศาล


หยิบกันไปครับ  น้ำก็หยิบเต็มที่ ... อ้อ มื่้อนี้  ทางดูคาติ เค้าเลี้ยงครับ เค้าให้คูปองมาแล้ว อิอิ



เพื่อนชาวไทย ที่ได้รับรางวัล และมาด้วยครับ ชื่อโกมน มากับแฟน



บรรยากาศของโรงอาหาร แวดล้อมไปด้วยการตกแต่ง และกลิ่นไอของ ดูคาติ ทุกมุมมอง

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

และก็เหมือนเป็นธรรมเนียมปฎิบัติของคนที่นี่ครับ เมื่อทานข้าวเสร็จเค้าจะไปรวมตัวทานกาแฟกันเบา ๆ ก่อนเริ่มงานช่วงบ่ายครับ

มากันที่ ดูคาติคาเฟ่ (หรือกาแฟหนอ)


พนักงานมาต่อคิดซื้อ กาแฟ แก้วเล็กๆครับ ขนาดครึ่งถ้วยปกติได้  แก้วน่ารักเชียว



นั่งกินกัน ก่อนเดินทางไกล


ทางเข้าภายในโรงงาน


เมื่อทานเสร็จ ก็แวะออกมาข้างนอกแปปนึง  เจอรถไดเวลเฟสลิฟ จอดนิ่งเตรียมพร้อมอยู่คันนึง  ไม่ต้องสงสัยครับ  คันนี้ เป็นของผมแน่นอน ตลอด 3 วันนี้
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ผู้ร่วมทริปคนอื่น เลือกรถ มัลติสตราด้า กันหมดครับ มีผมเลือกไดเวลคนเดียวเลย


รถมอเตอร์ไซค์ของพนักงานที่นี่ แน่นอนว่า  ดูคาติ ล้วนครับ

ชอบมัลติตัวเก่า  มันเก๋าดีครับ



ต่อไป ... เราจะเดินเข้าไปเยี่ยมชมภายในโรงงานประกอบ ซึ่งเป็นไลน์ผลิตทั้งพานิกาเล่ มอนสเตอร์ ไดเวล มัลติฯ  ....  แต่    เค้าห้ามถ่ายรูปครับ  เอาสติ๊กเกอร์ no Photo มาแปะมือถือผม ตรงช่องถ่ายรูป เฉยเลย อดถ่ายครับ แต่จะขอบรรยายสภาพภายในโรงงานให้ฟังนะครับ



สภาพภายในโรงงาน ก็เหมือนโรงงานประกอบรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ๆทั่วไปครับ มีไลน์สายการผลิต ที่ขยับตลอดเวลา มีช่างเทคนิกจำนวนมากนั่งประจำตามจุดต่าง ๆ คอยประกอบส่วนชิ้นงานของตัวเองครับ  ทางเจ้าหน้าที่เดินแนะนำในจุดต่างๆ ของสายการผลิต ตั้งแต่มีแค่เครื่อง ยันเสร็จเป็นรถ 1 คัน และเราก็ไปหยุดฟังบรรยายที่ห้องทดสอบแรงม้า และจุดผิดพลาด การคุมคุณภาพของรถ ครับ  ซึ่งคนที่อยู่ข้างในต้องใส่ที่ปิดหู เพราะเสียงรถจะดังมาก ขึ้นไดโนเทสด้วยครับ เราเดินไล่ไปถึงการทำสีชุดสี พาร์ทต่า่งๆ ที่ส่งเข้ามาประกอบ  มันเป็นอะไรที่ตระการตา มากครับ ที่ได้มาเห็นโรงงานประกอบด้วยตาตัวเองแบบนี้...

[Nongk69]

  เยี่ยมเลย รออ่านต่อครับ เหมือนได้ไปเองเลย อิอิ ยินดีด้วยครับ เที่ยวฟรี กินฟรี อิอิ

[aya777]

  . รอติดตามต่อครับ

[mohn1300]

ผมกดเข้า Reading List เลยครับ

[gonote_sk]

รอๆๆๆ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

มาต่อครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ เดี๋ยวเขียนจบ จะเอาไปแปะที่เว็บพันธ์ทิพย์สักหน่อยค้าบ

หลังจากที่เดินชมภายในโรงงานกันแล้ว ..เราก็มาต่อกันที่ DUCATI MUSEUM กันนะครับ  ซึ่งก็ตั้งอยู่ชั้นสอง ของพื้นที่ส่วนสำนักงาน ภายในบริเวณโรงงานดูคาตินั่นเองครับ

เมื่อขึ้นไปชั้นสองปั๊บ .. ด้านขวาจะมีร้านขายของที่ระลึก ทุกอย่างเกี่ยวกับดูคาติครับ อยากเข้าไปช้อปปิ้งๆๆ (แต่เดี๋ยวค่อยเข้าไปหลังชมมิวเซี่ยมเสร็จครับ)



หันขวาปั๊บ เราก็จะเจอกับรถรุ่นที่ขายในปัจจุบัน 



บริเวณทางเข้า จะมีบอกถึงประวัติ ว่าบริษัท ดูคาติ เคยผลิตอะไร เริ่มต้นผลิตอะไรมาบ้าง ซึ่งหลายๆท่านอาจยังไม่ทราบว่า เริ่มต้นนั้น ทางดูคาติ ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ วิทยุสื่อสาร และตัวเก็บประจุไฟที่เรียกว่า “Manens“



มองๆ ไป ก็เหมือนเครื่องพิมพ์ดีดนะครับ มันคือ ตะแล็ปแก้บ รึเปล่าหนอ (เทเรกราฟ)



อันนี้น่าจะเป็นตัวเก็บประจุ ที่เค้าว่ากันครับ





คล้ายเครื่องพิมพ์ดีดจริงๆน้ะเออ..



กล้องถ่ายรูปก็เคยทำ





เมื่อเดินเข้าไปอีกนิด ก่อนจะเข้าไปสู่ประวัติการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ ของดูคาติ  เราจะพบกับห้อง ๆ นึงครับ ซึ่ง ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ Paolo Pirozzi สำหรับทริปการเดินทาง สุดขั้ว   100,000 กิโลเมตร  กับ 43 ประเทศ   217 เมือง และใช้ยางทั้งหมด 7 ชุด โดยเดินทางเป็นเวลา 1 ปี ระหว่าง ปี 2010 - 2011




โดยเค้าได้ไปเยี่ยม สมาชิกดูคาติ จากทั่วโลก ในแต่ละประเทศ และติดสติ๊กเกอร์ กลับมา ทั้งหมด 80 DOC เลยครับ สุดๆๆๆแล้ว



ขอโผล่หน้ามาแจมนิดนึงคับ  ที่ระทึก

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

เมื่อก้าวเข้ามาสู่โซนจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์ ...

การเดินด้านในโซนแสดงรถมอเตอร์ไซค์นั้น .. ทางมิวเซี่ยม ได้จัดผังการเดินให้เราเริ่มรู้จักรถ ตั้งแต่ ยุคเริ่มแรก ไปตามกาลเวลา ที่ผ่านมา และการพัฒนารถ จนมาถึงรุ่นปัจจุบันที่แข่งในสนาม Moto GP เลยครับ



  ห้องแรกกันเลยคร้าบ กับเจ้าลูกหมาน้อย CUCCIOLO เคยแต่เห็นภาพจัดแสดงห้องนี้ในเน็ต มาได้ชมภาพจริง ห้องจัดแสดงจริง ดีใจมากครับ



ผังการออกแบบของรถแต่ละรุ่นจะมีจัดแสดงไว้เกือบทุกห้องนะครับ (แต่ผมดูไม่ค่อยเป็น)


ต๋วน .. เพื่อนชาวเวียดนามที่มาทริปนี้ด้วยกัน ขอถ่ายรูป 1 ใบ


ผมก็ไม่พลาดคร้าบ ผลัดกันๆ



มาอีกห้องนึงครับ คลาสสิค สุดๆ  และลงสนามเร็วมาก กับ DUCATI 100 Sport





มีเรื่องฮาที่เป็นเรื่องจริง อย่างนึงครับ สำหรับรถรุ่นนี้ .. คือ ผู้ขี่ไม่สามารถ วางขาด้านนอก ตอนจอดได้ครับ   ดังนั้น เวลาจะจอด ต้องขี่มาใกล้ๆ ทีมงานให้จับรถไว้ให้ ไม่งั้น ... ล้มแปะ!!



จริง ๆ ในช่วงที่เดิน มีวิทยากร คอยให้ความรู้นะครับ  แต่ผมถ่ายรูปด้วย ฟัง(ภาษาอังกฤษไม่ค่อยออก)ไปด้วย เลยไม่ค่อยเข้าใจ



ผมเอง ก็ฟังจับใจความมาไม่ได้มากนัก แต่ก็อยากอธิบายรถรุ่นนี้ ที่มีประวัติ และทุกคนที่มาเยี่ยมชม มักมีคำถามเสมอว่า ... ทำไมถึงมีสติ๊กเกอร์ รูปม้าพยศ .. (prancing horse) แปะอยู่ที่ด้านหน้ารถ ซึ่งมันเหมือนกับยี่ห้อ เฟอร์รารี่ เลย ซึ่งนั่นก็คือ รถรุ่น Mike Hailwood™’s 250 Bicilindrica Desmo

และเป็นที่มาที่แท้จริง ของ คำว่า Ferraris on two wheels.

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

สำหรับเจ้าม้าพยศตัวนี้นั้น มีความเชื่อมโยงอย่างไร กับ เฟอร์รารี่ ก็ต้องขอเล่าเรื่องราวท้าวความไปให้พอเป็นเกล็ดความรู้กันนะครับว่า







ในราว ๆ ปี 1956 คุณ Fabio Taglioni หัวหน้าวิศวกร ของดูคาติ ได้ติดโลโก้รูปม้าบนรถดูคาติ โดยคันแรกที่ใส่สัญลักษณ์ม้าเข้าไปคือ 125 Triple Camshaft Desmo ซึ่งรถรุ่นดังกล่าวได้รับรางวัล Sweden GP ในปลายปีนั้น หลังจากนั้น รถแข่งที่ออกตามมาอีกหลายรุ่นก็ได้ใส่สัญลักษณ์ม้านี้เข้าไปเช่น่  Marianna, several versions of the 175 F3,และรถที่มีชื่อเสียงอย่าง 250 Twin-cylinder of Mike HailwoodTM



ส่วนเหตุผลง่าย ๆ ที่ Taglioni เลือกใช้ม้าพยศ  เพราะ  Taglioni เกิดที่เมือง Lugo di Romagna เมืองที่ห่างจากโรงงานดูคาติใน Bologna เป็นระยะทาง 35 กิโลเมตร ซึ่งเมืองนี้เป็นบ้านเกิดของ หัวหน้านายทหารที่ยิ่งใหญ่ของอิตาลีในสมัยสงครามโลกที่ชื่อ Francesco Baracca ซึงเค้าได้นำรูปม้าพยศ ติดเครื่องบินไปทำสงคราม





 และในปี ค.ศ.1923 หลังการตาย 5 ปี ของ Francesco Baracca แม่ของท่าน ชื่อ Countess Paolina Biancoli ได้บริจาคสัญลักษณ์ประจำตัวของลูกของเธอให้กับ Enzo Ferrari ด้วยความหมายที่ว่า  "good luck piece". ซึ่งปีนั้น เฟอร์รารี่ ร่วมเข้าแข่งขันรายการ Lugo Grand Prix โดยไม่มีสัญลักษณ์ประจำทีม เฟอร์รารี่จึงใช้สัญลักษณ์ม้าพยศ บน โล่ห์สีเหลือง ซึ่งสีเหลืองหมายถึงเมือง Modena ที่กำเนิดของเฟอร์รารี่ นั่นเอง



ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่ ม้าทั้งสองตัว ของดูคาติ และเฟอร์รารี่ นั้น ...  ต้นกำเนิดมาจากนายพล Baracca ด้วยกันนั่นเอง

  ค้นข้อมูลมให้เพื่อนๆ ซะมึนเลยครับ สำหรับตอนนี้

[garbage]

สุดๆ ครับ รออ่านต่อ