Riding Review : King Of Monster

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

เนื่องจาก Monster 1200 ได้เข้ามาให้เพื่อนๆ ได้ทดลองขับขี่ตามศูนย์บริการต่าง ๆ สักพักนึงแล้วนะครับ

วันนี้ ทางดูคาติไทยแลนด์ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบสมรรถนะรถจากการใช้งานจริง บนเส้นทางที่พวกเราทุกคนคุ้นเคยดี นั่นคือ เขาใหญ่นะครับ ผมเอง ก็ได้เก็บภาพบรรยากาศ พร้อมกับความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวรถ เท่่าที่ทางทีมงานให้ข้อมูล และจากการสอบถาม ทั้งเกล็ดเล็ก ๆ น้อยๆ และการใช้โหมดต่างๆ  มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน ทั้งข้อดีและข้อเสีย ตามความรู้สึกของผมเองนะครับ

ภาพบางส่วน ต้องขอขอบคุณภาพถ่าย จากสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย  และ คุณวิน ด้วยนะครับ

มาดูราคากันก่อนครับ กับที่หลายคนอยากรู้ กับรถนำเข้าคันนี้..
Monster M1200 สีแดง
ราคา 899,000 บาท
ดาวน์ 179,800 บาท
ผ่อนเดือนละ 17,920 บาท (x 48 เดือน)
.
Monster M1200S สีแดง และสีขาว
ราคา 1,099,000 บาท
ดาวน์ 219,800 บาท
ผ่อนเดือนละ 21,907 บาท (x 48 เดือน)

ด้วยราคาที่เปิดมานี้  ..  สำหรับผมถ้าเทียบกับเทคโนโลยี ที่อัดใส่เข้าไป แตกต่างไม่เหมือนคันไหนๆที่เคยมีมา ผมว่า ก็สมน้ำสมเนื้อครับ ถ้าเพื่อนๆยอมรับกับบุคลิกของรถ ที่ต้องโต้ลมสไตล์ necked bikeได้ คือ มันจะไปเทียบกับ รถ Multistrada หรือ Diavel ไม่ได้นะครับ โดยเฉพาะมัลติฯนั้น ทรงรถออกแบบมาสำหรับขี่ทัวร์ริ่งทางไกล มีชิลด์หน้ากันลมขนาดใหญ่ ความรู้สึกในการขับขี่ย่อมแตกต่างกันมากอยู่แล้ว .. 

แต่ขอบอกว่า  คันนี้ มันมีดีมากๆ ที่คันอื่นไม่มีเช่นกันครับ .. ต้องลองติดตามดูครับ

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

เปิดมาเช้าวันนี้  อากาศดีครับ ออกจะร้อน ๆด้วยซ้ำ ฝูง M1200 จอดเรียงอยู่รอต้อนรับการมาถึงของพวกเราทุกคน


เราเริ่มจากการกล่าวทักทายกันและกัน ..  และคุณก้อง ก็เริ่มเล่าประวัติของการกำเนิด Monster ให้เราได้ฟังกัน



ประวัติการเกิดมอนสเตอร์นั้น .. ผมเองก็ไม่เคยรู้ วันนั้น ได้รับรู้แล้ว รู้สึกว่ามันเจ๋งมากครับ เพื่อนๆอยากฟังไหมครับ .. มาครับ ผมจะเล่าแบบคร่าวๆให้ฟังกัน 

มันเริ่มจากปีค.ศ. 1991 Mr. Miguel Galluzzi ซึ่งเป็นผู้ทำงานในบริษัท ดูคาติ



Mr.Miguel Galluzzi มีแนวความคิดว่า มอเตอร์ไซค์ที่จะใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น ต้องเรียบง่าย ดูสะอาดตา ไม่ควรมีอะไรตกแต่ง หรือใส่เยอะเกินไป เพียงแค่มีเฟรม มีไฟหน้า มีเครื่อง มันก็ขี่ได้แล้ว .. จากแนวความคิดดังกล่าว เค้าจึงได้นำรถ Super bike 851 มาทำการถอดแฟริ่งออกเป็นรถสไตล์ Naked Bike แล้วขี่ไปทำงาน

Super bike 851 เดิม


คุณ Miguel Galluzzi นำจับมาถอดแฟริ่งซะ (คล้าย Monster ไหมครับ)


เมื่อ Claudio Castiglioni ประธานของ Ducati เห็นเข้า จึงคิดว่า สิ่งนี้เป็นไปได้ และได้ให้Galluzzi  ร่วมออกแบบรถกับ Massimo Bordi ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของดูคาติ โดยมีเงื่อนไขว่า รถที่ออกแบบมานั้น จะต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นดูคาติที่เป็นเอกลักษณ์ ขี่ง่าย และไม่ใช่รถสปอร์ต

ซึ่ง Bordi เองได้เสนอไอเดียให้นำเฟรมมาจาก Superbike 851 เครื่องยนต์จาก Supersport 900 และช่วงล่างจาก Supersport 750 รวมถึงการออกแบบวาดเส้น Muscular ให้กับถังน้ำมันของรถคันใหม่ที่มีนามว่า “มอนสเตอร์” โดยผสานแนวคิด Minimalist กับชุดบอดี้ของตัวรถ Monster จึงเป็นรถที่มีดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีความแข็งแกร่ง และมีความคล่องตัวสูงเมื่อใช้ขับขี่

Ducati Monster คันแรกที่ปรากฏโฉมสู่โลกใบนี้ โดยเปิดตัวในงาน Cologne Motor Show ในปี 1992 และเริ่มผลิตในปี 1993


Ducati Monster ได้รับความนิยมจากไบเกอร์ทั่วโลกตลอดมาและเปลี่ยนโฉมเรื่อยมากว่า 20 ปี  แต่ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็น Ducati Monster ได้อย่างชัดเจน บวกกับการใส่เทคโนโลยีต่างๆ เพิ่มเข้าไป จนเรียกได้ว่า Ducati monster 1200 ตัวปรับโฉมในปัจจุบันนั้น .. เป็น KING OF MONSTER อย่างแท้จริง


   เราพอทราบประวัติการเกิดรถ Ducati Monster คร่าวๆ แล้วนะครับ .. ที่แท้ มันมาจากรถสปอร์ทก่อนนั่นเอง .. เป็นเกล็ดความรู้เล็กน้อย ที่คนขี่มอนสเตอร์ทุกคนควรรู้เนอะครับ 

หลังจากคุณก้อง กล่าวแนะนำกิจกรรมในวันนี้แล้ว ทางทีมงานมาแชล ก็แนะนำเส้นทางการขับขี่ในวันนี้ และกฎกติกา มารยาทในการขับขี่ครับ


กติกาต่างๆ เราปฎิบัติเพื่อให้ออกทริปอย่างปลอดภัย และมีความสุขครับ




................................


น้ำหนักตัว ตอนแห้ง ที่ 182kg (401lb) และตอนใส่ของเหลวงเต็ม ที่ 209Kg (461lb) นับเป็นรถบิ๊กไบค์ ที่มีน้ำหนักกำลังพอดี  ไม่หนักเวอร์ แต่ก็ไม่ได้เบานะครับ



ถ้าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ .. ก็ต้องขอบอกว่า แก้วตาของM1200 นั้น งามมากครับ  ผมชอบมองมัน ก่อนที่จะมองเฟรม หรือหม้อน้ำเสียด้วยซ้ำ  เป็นเหมือนกันไหมครับ






ปะโลโก้ DUCATI ขลัง ๆ ที่ชุดสี เห็นเด่นชัดอย่างเคย


บังโคลนหน้าของตัว S จะเป็นคาร์บอนด้าน ครับ สวยไหมครับ


สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเหลือเกิน นั่นคือ กระปุกน้ำมันเบรค และกระปุกน้ำมันครัช .. ให้มาใส ๆ แบบนี้  ก็ไม่ต้องใส่ของแต่งกันละครับ สวยอยู่แล้ว  สีดำใส ครับ


ในรุ่นธรรมดา จะมีแต่สีแดงครับ  แต่ในรุ่น S จะมีให้เลือกสองสี คือ สีขาว และสีแดง


การ์ดกันความร้อนท่อ ตรงด้านขวานี่ มีลายด้วยครับ เพราะมันเห็นเด่นชัดมาก ก็ดูบึกบึนดีครับ


โช๊คหลัง รุ่น 1200 เป็นของ Sachs ปรับค่าได้ทั้งสปริงพรีโหลดและค่าแด้มปิ้งรีบาวด์ ส่วนในรุ่น 1200s ให้ Ohlins


ต่อพรุ่งนี้นะครับ

[Moka-Man]

ภาพถ่ายตอนเข้าโค้งเป็นกลุ่ม สวยมากครับ อยากไปด้วยจัง

[renesis]

Mr.Miguel Galluzzi มีแนวความคิดว่า มอเตอร์ไซค์ที่จะใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น ต้องเรียบง่าย ดูสะอาดตา ไม่ควรมีอะไรตกแต่ง หรือใส่เยอะเกินไป เพียงแค่มีเฟรม มีไฟหน้า มีเครื่อง มันก็ขี่ได้แล้ว .. จากแนวความคิดดังกล่าว เค้าจึงได้นำรถ Super bike 851 มาทำการถอดแฟริ่งออกเป็นรถสไตล์ Naked Bike แล้วขี่ไปทำงาน

      มันใช้เลย สำหรับผม ตรงตามจุดประสงค์ของผู้ออกแบบทุกอย่าง  ผมไม่แต่งอะไรมากพอฟรุ่งฟริ้ง(เพราะไม่มีตังค์)
      ผมใช้ขี่ไปทำงาน ทุกวันไปกลับ 150 โล ไม่เคยเจอร้อนดับเพราะไม่มีสักไฟแดง ..... เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดชาวบ้านเค้าออกทริป(แต่ผมจอด)     
      ร๊ากกกนิ monster 

[Moka-Man]

Mr.Miguel Galluzzi มีแนวความคิดว่า มอเตอร์ไซค์ที่จะใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น ต้องเรียบง่าย ดูสะอาดตา ไม่ควรมีอะไรตกแต่ง หรือใส่เยอะเกินไป เพียงแค่มีเฟรม มีไฟหน้า มีเครื่อง มันก็ขี่ได้แล้ว .. จากแนวความคิดดังกล่าว เค้าจึงได้นำรถ Super bike 851 มาทำการถอดแฟริ่งออกเป็นรถสไตล์ Naked Bike แล้วขี่ไปทำงาน

      มันใช้เลย สำหรับผม ตรงตามจุดประสงค์ของผู้ออกแบบทุกอย่าง  ผมไม่แต่งอะไรมากพอฟรุ่งฟริ้ง(เพราะไม่มีตังค์)
      ผมใช้ขี่ไปทำงาน ทุกวันไปกลับ 150 โล ไม่เคยเจอร้อนดับเพราะไม่มีสักไฟแดง ..... เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดชาวบ้านเค้าออกทริป(แต่ผมจอด)     
      ร๊ากกกนิ monster 

คุ้มเลยครับ ได้ขี่ทุกวัน แถมไม่มีไฟแดงด้วย แถวไหนครับ อิจฉาจัง เมื่อก่อนขับรถ อยากให้บ้านอยู่ไกล้ที่ทำงานเลยจัดไป ห่างกัน 2 กม. ตอนนี้ออก monster อยากให้ห่างกันซัก 200 กม. 555 ตอนนี้อาศัยวิ่งอ้อมจากบ้านมาร้านยืดได้ 10 กว่าโล ก็ยังดี 

[renesis]

Mr.Miguel Galluzzi มีแนวความคิดว่า มอเตอร์ไซค์ที่จะใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น ต้องเรียบง่าย ดูสะอาดตา ไม่ควรมีอะไรตกแต่ง หรือใส่เยอะเกินไป เพียงแค่มีเฟรม มีไฟหน้า มีเครื่อง มันก็ขี่ได้แล้ว .. จากแนวความคิดดังกล่าว เค้าจึงได้นำรถ Super bike 851 มาทำการถอดแฟริ่งออกเป็นรถสไตล์ Naked Bike แล้วขี่ไปทำงาน

      มันใช้เลย สำหรับผม ตรงตามจุดประสงค์ของผู้ออกแบบทุกอย่าง  ผมไม่แต่งอะไรมากพอฟรุ่งฟริ้ง(เพราะไม่มีตังค์)
      ผมใช้ขี่ไปทำงาน ทุกวันไปกลับ 150 โล ไม่เคยเจอร้อนดับเพราะไม่มีสักไฟแดง ..... เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดชาวบ้านเค้าออกทริป(แต่ผมจอด)     
      ร๊ากกกนิ monster 

คุ้มเลยครับ ได้ขี่ทุกวัน แถมไม่มีไฟแดงด้วย แถวไหนครับ อิจฉาจัง เมื่อก่อนขับรถ อยากให้บ้านอยู่ไกล้ที่ทำงานเลยจัดไป ห่างกัน 2 กม. ตอนนี้ออก monster อยากให้ห่างกันซัก 200 กม. 555 ตอนนี้อาศัยวิ่งอ้อมจากบ้านมาร้านยืดได้ 10 กว่าโล ก็ยังดี 

       ผมใช้เส้น ระโนด-พัทลุง ปกติมีบ้านพักในโรงงานครับ  ตั้งแต่มีมอไซค์ผมไม่เคยนอนนนเลยครับ 555  ผบ. เข้าใจว่าผมคิดถึงกลับบ้านทุกวัน แต่ที่จริง.....ผมชอบ

[Moka-Man]

โอ้ยยยย อิจฉาๆๆๆๆ วิวในฝันเลย สวยมากครับ ถ่ายรูปเยอะๆครับ เอามาอวดกันหน่อย มีโอกาศถ้าได้ไปใต้จะทักไปนะครับ ยังไงก็ขี่เซฟๆหน่อยนะครับ จัดชุดเซฟตี้ให้ครบเลยครับอย่าไปเสียดายตังค์ ปลอดภัยไว้ก่อนครับ

[switchgear]

Mr.Miguel Galluzzi มีแนวความคิดว่า มอเตอร์ไซค์ที่จะใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น ต้องเรียบง่าย ดูสะอาดตา ไม่ควรมีอะไรตกแต่ง หรือใส่เยอะเกินไป เพียงแค่มีเฟรม มีไฟหน้า มีเครื่อง มันก็ขี่ได้แล้ว .. จากแนวความคิดดังกล่าว เค้าจึงได้นำรถ Super bike 851 มาทำการถอดแฟริ่งออกเป็นรถสไตล์ Naked Bike แล้วขี่ไปทำงาน

      มันใช้เลย สำหรับผม ตรงตามจุดประสงค์ของผู้ออกแบบทุกอย่าง  ผมไม่แต่งอะไรมากพอฟรุ่งฟริ้ง(เพราะไม่มีตังค์)
      ผมใช้ขี่ไปทำงาน ทุกวันไปกลับ 150 โล ไม่เคยเจอร้อนดับเพราะไม่มีสักไฟแดง ..... เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดชาวบ้านเค้าออกทริป(แต่ผมจอด)     
      ร๊ากกกนิ monster 

เหมือนกันเลย ขี่ไปทำงานทุกวันไปกลับ 100กม เสา-อาทิตย์จอด
อัดกันยาวๆ ไม่มีไฟแดง ไม่มีรถติด

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

ภาพถนนด้านบน นั่นคือ เส้น ระโนด - พัทลุง รึครับนั่น ทำไมงามขนาดนี้

[renesis]

ภาพถนนด้านบน นั่นคือ เส้น ระโนด - พัทลุง รึครับนั่น ทำไมงามขนาดนี้

ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด admin น่าจะทำงานบริษัทเครือเดียวกับผม>>> ถ้าใช้ หาโอกาสมาดูโรงงานแถวสงขลา ซิคร๊าบบบบ 

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

ภาพถนนด้านบน นั่นคือ เส้น ระโนด - พัทลุง รึครับนั่น ทำไมงามขนาดนี้

ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด admin น่าจะทำงานบริษัทเครือเดียวกับผม>>> ถ้าใช้ หาโอกาสมาดูโรงงานแถวสงขลา ซิคร๊าบบบบ 

อ้าวรึครับ อิอิ บินไปนานๆครั้งครับ ไว้ไปหาดใหญ่พาผมเที่ยวหน่อยน้า .. 

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

ต่อครับ ... 

สิ่งหนึ่งที่ ทุกท่านรอคอย ... หม้อน้ำครับ .. เดี๋ยวจะมารีวิวตอนขี่อีกทีนะครับ   ทรงหม้อน้ำที่ให้มา ดูใหญ่มากครับ บานออกมานอกเฟรมทั้งสองข้าง .. สิ่งที่ได้กลับมา คือ การระบายความร้อนที่ดีขึ้น รับลมได้มากขึ้น แผงรังผึ้งใหญ่ขึ้น .. ก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ





ปั๊มบน ให้เบรมโบ้ สวยๆครับ






กระจกครับ คล้ายทรงไดเวลครับ



ทีนี้ ก็มาถึง ขั้นตอนการแนะนำตัวรถ และการปรับโหมดการใช้เบื้องต้นนะครับ  ซึ่งสำคัญมาก ก่อนที่เราจะได้เริ่มทดลองขี่กันนะครับ



นี่คือ หน้าจอของเจ้า M1200 ครับ เป็นจอสีครับ  .. และมีลูกเล่นการปรับโหมดมากมาย แถมด้วยสิ่งที่แตกต่างคือ พอเปลี่ยนโหมด หน้าจอ จะเปลี่ยนรูปแบบตามไปด้วยนะครับ  หรือแม้กระทั่ง ต้องการเซ็ท หน้าจอ ให้มีเฉพาะสิ่งที่เราต้องการ เช่น ต้องการแค่ วัดรอบ  ก็มีนะครับ



ที่หน้าจอปกติ จะบอกโหมดการใช้งาน บอกอุณหภูมิ วัดรอบ เลขไมล์ DTC ABS แม้กระทั่ง อัตราการบริโภคน้ำมัน นะครับ


โหมดการใช้งานนั้น มีมาให้เลือกเหมือนรุ่นอื่นๆ แล้ว นั่นคือ sport touring และ urban นะครับ

การปรับการใช้งาน DTC และ ABS จะต่างกันไปครับ







และแน่นอน  ยังสามารถปรับละเอียดได้ ตามต้องการอีกด้วย ทั้ง ABS และ DTC





ปรับความแรงเครื่องยนต์ได้ด้วยครับ


หน้าจอการปรับรวมทุกอย่างครับ คล้ายๆ กับรุ่นอื่นๆ


อันนี้คือสิ่งที่แตกต่างที่บอกครับ สามารถปรับเซ็ทหน้าจอให้แสดงผลตามต้องการได้ 4 แบบครับ





นอกเหนือจากเรื่องหน้าจอแล้ว .. สิ่งหนึ่งที่M1200 ออกแบบมาได้น่าประหลาดใจมากสำหรับผม นั่นก็คือ การปรับความสูงเบาะได้ด้วยตัวเองครับ  ไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรครับ จากเดิม ความสูงเบาะปกติจะอยู่ที่ 810mm. แต่เมื่อปรับลดความสูงแล้ว จะเหลือความสูงที่ 785 mm ครับ เรามาดูกัน



เมื่อเปิดเบาะออกมา แล้วมองที่ด้านหน้าของที่เสียบเบาะ  เราจะพบว่า มันสามารถปรับขึ้น ปรับลง ได้ครับ

ดูที่จุกขาวๆ นะครับ

นี่คือ แบบเบาะสูงครับ


นี่คือแบบเบาะต่ำครับ


โดยเราก็จะต้องเอาปลอกที่เสียบกับตัวเบาะเพื่อเพิ่มความสูงให้สอดคล้องกัน ออกด้วยทุกครั้งที่ทำการปรับเตี้ยนะครับ



ปลอกจะบอกครับว่าทิศไหนเป็นด้านหน้า




หลังจากศึกษาการใช้งานคร่าวๆ แล้ว ... ก็ถ่ายรูปรวม 1 ภาพครับ .. กับผู้ร่วมทดสอบและทีมงานวันนี้



เราพร้อมกันแล้วครับ  เพื่อนๆ ละครับ พร้อมลุยด้วยกันรึยัง



to be continue...

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

เส้นทางที่เรามาร่วมทดสอบกันวันนี้นั้น .. หลาย ๆท่านอาจเคยมาแล้วนั่นคือ เส้นทาง  Desmo ride 2013 ที่ผ่านมานั่นเองนะครับ คือเริ่มต้นจากถนนวิภาวดี มุ่งหน้า อยุธยา แล้วไปวังน้อย  ขี่บายพาสสระบุรี มุ่งหน้า จังหวัดนครราชสีมา โดยเมื่อถึงช่วงอำเภอมวกเหล็ก เราจะเลี้ยวซ้าย เข้าไปวิ่งกันด้านใน ถนน 2224 แล้วเลี้ยวขวาไป 2274  หลังจาก ขี่เล่นโค้งในเขา พอให้หายอยากแล้วเราจะทะลุเป็นครึ่งวงกลม ออกมาที่ถนนมิตรภาพ แล้วข้ามไปถนนธนะรัตน์ เพื่อเติมน้ำมัน และพักทานอาหารกลางวันนะครับ

วันนี้ มีมัลติสตราด้า นำขบวน และมีรถเซอร์วิส พร้อมรถพยาบาลคอยปิดท้าย ตลอดเส้นทางครับ




สิ่งแรกเลย ที่ทุกคนน่าจะสัมผัสได้เหมือนๆกัน .. นั่นก็คือ ฟิลลิ่งที่เปลี่ยนไป ของคันเร่งไฟฟ้าครับ



คันเร่งไฟฟ้าหรือ ที่เรียกว่าระบบ Ride-by-Wire นั้น .. หลายท่านที่ไม่คุ้นเคย อาจมีอาการเหวอ จากการบิดคันเร่งได้ครับ เพราะคันเร่งจะเบามาก หลายๆท่านที่ได้ทดลองขี่มันมา  บอกกับผมว่า มันลื่นมาก มันลื่นมาก .. ผมก็พึ่งจะเข้าใจความหมาย ก็ตอนที่ได้ลองขี่ครับ คือ คันเร่งเบา และติดมือมาก  เหมือนรอบเครื่องลื่นติดมือ ต่างกับคันเร่งสายมากๆครับ   ใครที่พึ่งทดลองขับขี่เจ้า m1200 อย่าลืม ค่อย ๆ ทำความคุ้นเคยก่อนนะครับ ไม่งั้นอาจมีเหวอ หน้ายกได้ง่ายๆครับ

โดยระบบ Ride-by-Wire  system นั้น จะกำหนดจำนวนแรงม้า ตามความแตกต่างกันของการเซ็ทระบบการขับขี่ของเราด้วยนะครับ

145hp with a sports-type delivery

145hp with a progressive delivery suitable for touring

100hp with a progressive delivery for city use




สำหรับตัวผมเอง ตลอดช่วงกลับรถ และอีกสักพัก บนเส้นถนนวิภาวดี คือช่วงเวลาปรับตัวทำความคุ้นเคยกับรถใหม่ครับ หรับกระจก ปรับท่านั่ง ลองยืนดูบาลานซ์รถ ลองหนีบเข่า ก้มหมอบ ทำความคุ้นเคยกับมิติตัวรถ ทั้งลองเร่งในรอบต่ำ รอบสูง ลองหลายๆเกียร์   ลองใช้เบรคมือ เบรคเท้า เพื่อกะระยะเบรค  ผสมผสาน จนตัวเองเริ่มชิน ถึงค่อย ๆ เริ่มทดสอบการใช้งานในส่วนอื่นๆครับ

ย้ำครับ !!!  มันลื่นมือมาก

เครื่องยนต์ Testastretta 11° L-Twin, 4 Desmodromically actuated valves per cylinder, liquid cooled

สำหรับเครื่องยนต์ Testastretta 11° แบบ L-Twin 4 วาล์ว, ระบบวาล์วแปรผัน Desmodromic ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 1198.4cc มีกำลัง 135 แรงม้า และแรงบิด 118 Nm ในตัว ธรรมดา และ 145 แรงม้า และแรงบิด 124 Nm ในตัว S นั้น  ให้ความแรงที่เหลือเฟือตั้งแต่ต้น มากๆครับ ..ผมเอง ได้เคยมีโอกาสใช้รถ ในพิกัด cc เดียวกันมาสองรุ่น คือ Ducati Diavel และ Ducati Multistrada ต้องของบอกว่า คันนี้ ติดมือ และถึงใจ เร็วมากครับ อาจเพราะคันเร่งไฟฟ้าด้วย การตอบสนองต่อคำสั่งถึงมาเร็วมาก ช่องว่างของการเติมคันเร่ง หลังบิด  ก่อนที่จะถึงจังหวะที่เครื่องยนต์เริ่มเร่งเครื่องแทบไม่มีให้รู้สึกเลยครับ  ช่วงรอบกลางๆ และปลาย ไม่มีอาการของการอั้น หรือ ตื้อ ให้เห็น ผมทดลองลากเกียร์ อยู่นิดหน่อย  และลองทดสอบแรงบิด ที่เกียร์ต่ำ  ให้พลังดึงที่ โหด จนต้องขอบอกว่า   ก่อนเล่นกับแรงบิด ควรเตรียมเซ็ทท่านั่ง และกำลังแขนให้พร้อมไว้เสมอนะครับ  ไม่เช่นนั้น อาจมีหงายหลังได้ครับ





ในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้น Ducati M1200 ให้โช้คคู่หน้าแบบ UpSideDown แกนโช้ค 48mm จาก Ohlins จานเบรกคู่หน้าแบบ Twin-Disc ขนาด 330mm   สภาพถนนในวันนี้ ส่วนใหญ่ เป็นถนนลาดยาง มีขรุขระบ้าง ตามประสา ถนนไทย ไม่เคยเรียบ .. การผ่านอุปสรรค ถนนขรุขระ ผมลองรูดยาวครับ นั่งเบาะให้เต็มๆ แล้วขี่ผ่านไปเลย  มีความสะท้านขึ้นมาที่แฮนด์บ้าง ไม่นิ่มนุ่ม เพราะโช๊คไม่ได้ยาวเหมือน พวกสายทัวร์ริ่งครับ    แต่สิ่งที่เจ๋งอีกอย่างคือ การเข้าโค้ง เมื่อถ่ายน้ำหนักแล้ว ไม่มีการโยน หรือ ยุบใด ๆ เป็นความรู้สึกที่นุ่ม และหนึบ นิ่ง ๆ ดีครับ 

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

เส้นทางขาไป เป็นถนนช่วงทำความเร็วได้ ตั้งแต่ วิภาวดี เป็นต้นไป โดยเฉพาะช่วงบายพาสสระบุรี .. ก็เลยขอเทส ให้หายอยาก สมกับที่เฝ้ารอมานาน ทั้งเร่ง ทั้งผ่อน ลองนั่งแบบสบาย ปรับหลายท่าทาง  ...   สิ่งหนึ่ง ที่แปลกไปกว่าที่เคย นั่นคือ ช่วงการ์ดกันร้อนท่อ ด้านเข่าขวา ที่เห็นเป็นลายๆ เท่ห์ ๆ นั่นละครับ .. ผมลองนั่งหนีบถังดู ปรากฎว่า เข่าเรา จะโดนการ์ดตรงนี้ เยอะอยู่ครับ  เรียกได้ว่า  "พิง" แนบ กันเลยทีเดียว   ตอนที่ขี่เร็ว ๆ ถามว่าร้อนไหม ตอบว่า ไม่ร้อนครับ ...  แต่ ตอนที่จอดติดไฟแดงนาน ๆ ถ้ายังนั่งเอาขาหนีบถัง เข่าพิงการ์ดไว้  ขอตอบเลยว่า ร้อนมากครับ 




เราแวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง  ก่อนจะเข้าสู่ช่วงด้นในมวกเหล็กนะครับ




ขอบอกว่า วันนี้ อากาศ ร้อนๆๆๆๆ มากครับ


รถเซอร์วิส  ณ. เวลานี้ ทุกคนเดินไปหาตลอดครับ เพราะมีถังน้ำแข็ง แช่น้ำเย็น ๆ อยู่เต็มถัง


รถไฮเปอร์คาร์บอน  ตามขบวนมาด้วยครับ สุดสวยจริงๆ


มุมมองด้านหลังก็ยังเท่ห์



มีหลายท่านอยากลองฟิลลิ่งเบาะเตี้ยดูบ้าง ว่ารู้สึกอย่างไร ต้องรบกวนพี่เจฟ มาปรับให้หน่อยครับ



ขี่ลุยเข้าไปในเขา เพื่อโผล่มายังทางขึ้นเขาใหญ่ครับ ระหว่างทาง มีโค้งให้ได้เล่น ได้ลองจังหวะต่างๆ มีโค้งในเขา ถนนยังสภาพดีอยู่ สมกับเป็นเส้นทางทดสอบจริงๆครับ  ไว้รอบหน้า พาชาวคลับมาวิ่งเส้นนี้ดีกว่า ผมจำไว้แระ อิอิ




มาถึงที่พักทานข้าวครับ ร้านเข้ากับรถมากครับ เป็นหิน ๆ อิฐๆ 


มาดูกับข้าวแก้หิวกันเล็กน้อย

แซลมอนรมควัน จานเรียกน้ำย่อย


หนมปังใหญ่มาก


จานหลัก


ของหวาน




แดดแรงมากครบ แต่อดไม่ได้จริงๆที่จะออกมาถ่ายภาพเจ้า King Of Monster 







พักเท้าครับ



ครีบหม้อน้ำงาม ๆ ใหญ่ๆ  สบายไ..่ ละทีนี้


ลายเบาะ   เบาะนุ่ม และใหญ่พอดีก้นครับ ไม่กว้าง และแคบเกินไป นั่งสบายครับ


ฝาถัง เปิดง่ายครับ ลองแล้ว


หน้ายาง


ทรงท่อ รอบวง กว้างไม่เท่ากันแฮะครับ แต่รูในเท่ากันนะครับ


ห้องเครื่องงามๆ สะอาดตา

[WEBMASTER(กอล์ฟฟี่)]

หลังจากทานข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็มีการถ่ายรูป เก็บไว้เป็นที่ระลึกกันนิดหน่อยครับ เขินครับเขิน



พี่อีกท่าน อิอิ


เดี่ยวๆ ก็หล่อละครับ







ไปตลุยโค้งกันต่ออีกนิด เราวิ่งจากธนะรัตน์ ไปเข้าทางลัด ออกสู่มวกเหล็ก ทางแดรี่โฮม ครับ



และแล้ว ระหว่างทางกลับ เราก็มีโอกาสได้ใช้งานรถในรอบต่ำๆๆๆ บ้างละครับ เนื่องจาก วันนั้น เป็นวันสำคัญทางการเมืองวันหนึ่ง  ผู้ใช้รถ รีบกันกลับบ้าน มีปิดสะพานบางจุด ทำให้รถบนถนนวิภาวดี ติดสุดยอดครับ  ติดมากๆๆๆๆๆ    พี่มาแชลคนนำ ใช้มัลติฯ นำครับ  ลุยฝ่ารถติด เข้าไป  ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย  แต่ก็ทำให้เรารู้  ว่าเจ้า M1200 มันมุดได้ครับ  หน้ากว้างหน่อยแต่ไม่ยากเย็นเกินไปครับ ถนัดมือ ไปเรื่อยๆ   ...  เรื่องความร้อนเครื่อง อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ  ทนไหว เนื่องจากเคยชินกับระดับความร้อนของรถเครื่องใหญ่ๆ อยู่แล้ว  แต่ก็นะครับ  ฝ่ารถติดนี่ .. เหนื่อยจริงๆครับ

แวะเติมน้ำมัน ปั๊ม คาร์เท็ก ตรงก่อนถึง ห้าแยกลาดพร้าวครับ    จะถึงศูนย์แล้ว


Mission Complete


และก็เป็นธรรมเนียมทุกครั้งหลังจบการเทสรถ  เราทุกคน รวมถึงทางทีมผู้บริหารและทีมงานทุกท่าน ก็จะมาพูดคุยถึงการเทสในวันนี้ ทั้งเรื่องรถ เรื่องเส้นทาง การจัดการดูแลทุกเรื่องครับ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรต้องปรับปรุงหรือไม่






โดยส่วนตัวผมเองนั้น .. สำหัรบด้านการจัดเตรียมงานทุกอย่าง ทั้งการเตรียมรถ การแนะนำการใช้ เส้นทาง อาหาร การถ่ายรูป ทีมมาแชล ทีมเซอร์วิส ทีมพยาบาล ทุกอย่าง เรียบร้อยครบถ้วนสมบูรณ์ดีครับ

ส่วนเรื่องตัวรถนั้น เรื่องราคารถ ไม่ขอพูดถึง เพราะขึ้นกับกำลังทรัพย์ของแต่ละท่าน ที่จะมองว่าคุ้มค่า และหล่อพอหรือไม่  ผมขอสรุปข้อดี ข้อเสีย จากการใช้งานจริง ง่าย ๆ ดังนี้ครับ

ข้อดี
1.เครื่องยนต์แรงมาก ตามใจสั่ง
2.ระบบคันเร่งไฟฟ้า ตอบสนองไว ติดมือมาก
3.เบาะปรับได้หลายระดับ เหมาะสำหรับคนตัวเตี้ย
4.หน้าจอสี ชัดเจน เปลี่ยนได้หลายโหมด ไม่ซ้ำซากจำเจ  สนุกกับรถได้มากขึ้น
5.รุ่นนี้พึ่งปรับโฉมใหม่ ใช้ได้อีกนานมากครับ กว่าจะตกรุ่น

ข้อเสีย
1.เป็นข้อเสียของรถสไตล์นี้ทั่วไป คือ รถเน็คเก็ต  ลมแรงมาก ถ้ากล้ามไม่โตพอ ขี่เร็ว ๆ จะอันตราย และเหนื่อยมากนะครับ
2.การ์ดกันความร้อนที่เข่าขวา ยังติดๆ ขัดๆ ขาผม และในใจผมอยู่ครับ มันแปลกๆ
3.คันเร่งไฟฟ้า  บางที ตอบสนองไวเกิน ถ้าไม่ระวัง อาจหงายหลุดรถไปได้นะครับ (เป็นข้อเสียได้ไหมครับ)



ก็หวังว่า รีวิวประวัติการกำเนิดมอนสเตอร์ รวมถึงการใช้งานรถจริง ในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆที่สนใจรถรุ่นนี้บ้างนะครับ

ขอบคุณนะครับที่ติดตามอ่านครับ

[hongtae]

สุดยอดเลยครับ คุณกอล์ฟ ไว้จะหาโอกาสไปทดลองขับขี่บ้างนะครับ ดูน่าสนุมาก 

[nashsith]

ขอบคุณสำหรับการรีวิวครับ ดีมากๆ วันศุกร์หน้าจะรับเจ้า king of monster เข้าบ้านแล้วครับ

[Biere]

เย้ จบแล้ว ขอบคุณมากคร้าบบบบ

[puremaiz]

 

สมกับคำว่า King Of Monster จริงๆ

[top_ro]