มาเล่าประสบการณ์โอนลอยรถ Monster กับขนส่งจตุจักรครับ
คงมีหลายๆ คนระแวงกับการโอนรถบิ๊กไบค์พอสมควรหลังจากที่มีข่าวกระแสค่อนข้างลบกับรถใหญ่เนื่องจากมีรถจดประกอบเยอะ บางคนอาจซื้อต่อรถศูนย์จากท่านอื่นมา อย่างผมที่รอรถจองไม่ไหว รอนานเหลือเกิน เลยตัดสินใจซื้อต่อจากท่านอื่นๆ
(ผมไม่ได้แอนตี้รถจดประกอบนะ ต่างจังหวัดแถวบ้านผมมีคนเล่นเยอะ แต่อยู่ในกรุงเทพพนักงานบริษัทตัวเล็กๆ ไม่มีเส้นสาย ขับเก๋งเจอด่านไม่เป็นไร แต่พอมาขับมอไซด์นอกจากจะต้องหลบอุโมงค์กับหลีกสะพานเพราะไม่ให้เราขึ้น แล้วยังต้องระวังจุดสกัด ด่านลอย พร้อมเตรียมรับข้อหาอื่นๆ อีกมากมาย ยังไงก็ต้องตัดใจซื้อรถศูนย์อยู่แล้วละครับ อินวอยโดนจับยึดรถทันทีมันไม่คุ้มกันเลย)
กลับเข้าเรื่องเนาะ ผมได้รถมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อวานเช้าวันพฤหัสที่ทำงานผมไม่มีตารางนัด เลยตื่นแต่เช้า ตัดสินใจขับรถมอไซด์ออกถนนกรุงเทพครั้งแรกด้วยความมั่นใจ 55+ (ผมไม่เคยขับบิ๊คไบค์มาก่อนนะ รถมีคลัชก็ไม่ถนัด แต่บ้านผมเป็นอู่ตั้งแต่มีรถฮอนด้าซุปเปอร์คัพรุ่นแรกในไทย สมัยเด็กที่บ้านเคยจัดแข่งมอเตอร์ครอส พ่อจับนั่งหัววิบาก ไม่ก็100CCแต่เด็ก เลือดพ่อมันแรง ขึ้นคร่อมได้เป็นขี่หมด 2 ล้อนะ ไม่ใช่อย่างอื่น 55+ )
7 โมง 45 สตาร์ทรถ ฝ่ารถติด รัชดาออกห้วยขวาง เพราะว่าลงอุโมงค์ไม่ได้ ลัดไปลัดมาออกสุทธิสาร-วิภา และแล้วในที่สุด ผมก็ถึงขนส่งจตุจักรประมาณ 8 โมง 5 นาที ครั้งแรกที่ขับ เลี้ยวกลับรถแล้วหัวมันสะบัด เลี้ยวอีกทีตรงถนนเปียกแล้วล้อหลังฟาดไปสองสามนิ้ว จากนั้นขับไปอีกแปปนึงแล้วจึงเข้าใจ อ่อ มันมีวงเลี้ยวเฉพาะ ต้องคอนโทรลคันเร่งกับกดแฮนด์ไม่ก็โยกย้ายส่ายเอวเล็กน้อยนี่เอง ถึงจะเลี้ยวได้ ลำบากดีจริง 55+
พอมาถึงขนส่งว่าแล้วก็ทำตามโพยที่อ่านมาจากอินเตอร์เน็ต เอกสารพร้อม รถพร้อม หมวกพร้อม คนพร้อม เงินโอนพร้อม ขับตรงไปอาคาร 4 ก่อน เพื่อตรวจสภาพรถ จอดถาม รปภ. ว่าเข้าได้กี่โมง รปภ. บอกเข้าไปได้เลยน้องเค้าเปิดแล้ว ห๊ะ 8.05 เปิดแล้ว แจ่มจริง
จากนั้นผมก็ได้สัญญาณโบกยาว ขับทะลุช่องตรวจสภาพรถยนต์เข้าไป ก็จะเจอจุดตรวจสภาพมอเตอร์ไซด์ ขับไปเสียวไป ตูจะเจออะไรบ้างนะ ก่อนซื้อก็ตรวจเล่มทะเบียน เลขคอ เลขเครื่อง แล้วว่าถูกต้อง แต่ก็ยังหวั่น จะโดนข้อหาไม่คาดคิด
(ขับรถใหญ่ ตรวจแล้วเลขคอเลขเครื่องผ่าน แต่จะโดนซักยิบรึเปล่า จะบอกว่าญาติให้มาดีกว่า หรือจะบอกว่าซื้อมา อันไหนจะโดนถามน้อยกว่ากัน จะตอบว่าซื้อมาเท่าไหร่ ไหนหลักฐานการซื้อ สัญญามีมั้ย กรอกรายละเอียดครบมั้ย รถติดคดีหรือเปล่า บลาๆ )
ระหว่างสติแตกอยู่นั้น ก็เจอลุงผอมๆ คนนึง น้องๆ จอดนี่ จอดนี่ ผมก็แอบเข้าจอดอย่างสุภาพ เอาหมวกวางบนรถ แล้ว ถามลุงว่า ไปตรงไหนครับ
ลุงบอกว่า มาๆ ตามลุงมา ลุงก็ทำบัตรคิวสีฟ้าให้ พร้อมขอเอกสารโอนรถที่มีแผ่นตรวจสภาพแนบอยู่ แล้วบอกว่าอย่างอื่นยังไม่ต้อง
ลุงก็บ่นๆ ว่าพี่งได้ 5 คันเองรึ วันนี้ ผมเลยถามว่าลุง วันนึงมีตรวจเท่าไหร่ครับ ลุงตอบว่า 200 คัน โดยประมาณ โห แม่เจ้า 200 คัน ลอกเลขกันมันส์เลยทีเดียว
จากนั้นก็มีพี่ร่างหนาๆ หน้าตาใจดี เดินมาถาม น้องซื้อมาเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ตอนนี้ ผมก็ตอบไปตามจริง ราคารถเท่านี้พี่ ผมซื้อมาเท่านี้พี่ (คือตอนซื้อมามีสัญญาซื้อขายเป็นหลักประกัน ผมเลยคิดว่าไม่ควรโกหกราคา ไม่งั้นเดี๋ยวตอนตรวจเอกสารเค้าเห็นเอกสารแล้วเห็นว่าเราโกหก จะเรื่องยาวเปล่าๆ ผมว่าที่เค้าถามไปเพราะเค้าเอาไปประเมินราคา ผมเคยอ่านเจอจุดนี้เค้าจะมีการกรอกราคาประเมินเอาไว้ในเอกสารด้วย แต่ผมรีบๆ เลยไม่ได้ดูราคาที่ว่า) พอหันมาที่รถอีกที อ้าวหมวกหาย!! แอบคิดในใจว่า โดนแล้วหรือนี่ อะไรประมาณนั้น มองไปมองมาไม่ใช่ครับ มีคนยกหมวกไปวางไว้บนเก้าอี้ เค้าคงกลัวหมวกหล่น เป็นน้องตัดผมทรงโมฮวกค์ ขาวๆ ล่ำๆ หล่อๆ คนนึง ใส่ชุดช่างขนส่งเหมือนกับสองคนแรก ผมก็เดินไปนั่งข้างๆ หมวกแล้วก็ชวนคุย เค้าก็บอกผมว่ารถสวยนะพี่ ช่วงนี้คนหันมาเล่นรถรุ่นนี้กันเยอะ ดีแล้วละ จากนั้นก็ชักไอโฟนเปิดรูปฉลามสี่สูบสีเหลืองสดมาให้ดู นี่ๆ คันใหญ่เลย พึ่งมาไม่กี่วันนี้สวยมาก ผมดูบรรยากาศแล้วชักใจชื้นขึ้นมาหน่อย
จากนั้นพี่คนหน้าตาใจดีคนที่สอง เค้าก็เรียกไปให้ช่วยตะแคงรถ ลอกเลขคอครับ ดูๆ แล้วเลขคอผ่าน แล้วก็ไปลอกเลขเครื่อง ดูเอานานเลยครับ เหมือนพี่เค้าก็สายตาไม่ดี ผมก็ลุ้นๆ ในใจอย่าบอกนะว่าเลขไม่ชัด หรือพี่เค้าคิดว่าเป็นเลขตอก ใจชักตุ้มๆ ต่อมๆ พี่เค้าก็คว้าไฟฉายมาครับ ส่องซักครู่ แล้วบอก น้องเข็นรถไปจอดโรงอาหาร แล้วไปรอห้องตรงโน้นได้เลย (ผมร้องในใจเลยครับ รอดแล้ว…..ที่ศึกษามาจากในเน็ต เค้าบอกว่าถ้าใครได้ไปรอห้องนั้น รถท่านรอดปลอดภัย 100%) แต่ก่อนไปพี่ใจดีบอก น้องๆ ถอยรถมาให้พี่ถ่ายรูปหน่อยดิ ห๊ะ ถ่ายรูป เครๆ ครับพี่ อะจอดตรงๆ ยังงั้นเลย นี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ รถสวยพี่ขอถ่ายไว้หน่อย โอ้ ผมคิดในใจ เต็มที่เลยพี่ จะถ่ายสักครึ่ง ชม. ก็ได้ ถ้าตรวจสภาพรถผม มารยาทอย่างนี้ บริการอย่างนี้ เร็วอย่างนี้ เต็มที่ครับ สุดประทับใจ
จากนั้นผมก็ขับรถออกไปจอดที่ๆ เค้าว่า แล้วไปนั่งรอในห้องที่ว่า ราว 1 นาทีครับ ก็มีพี่เค้ามาเรียกคิว ส่งเอกสารให้แล้วบอกให้ไปตึก2 ผมก็ขับรถมาตึก2เลยครับ ตามสูตรเดินเข้าประชาสัมพันธ์ สั้นๆ ง่ายๆ มาโอนรถครับ ไปตรวจสภาพมาแล้ว เจ๊ผู้หญิงเค้าบอก น้องเอาเอกสารมาให้พี่ แล้วไปซื้ออากรมาสิบบาท จากนั้นก็ไปกรอก นี่ นี่ แล้วก็นี่ ก็มีเพิ่มเอกสารคำขอโอน กับใบขอใช้รถว่าจะใช้ในเขตขนส่งพื้นที่อะไร ผมเลือกจตุจักร กรอกเสร็จก็มายื่นเจ๊คนเดิม ปรากฏว่ายุคนี้ เอกสารที่ใช้โอนรถ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อและผู้เช่าไม่ต้องใช้แล้วนะครับเค้าดึงออกเลย สัญญาซื้อขายเค้าก็ดึงออก โดยที่ทั้งสองตึกไม่มีใครหยิบสัญญาขึ้นมาดูเลย จากนั้นเจ๊เค้าก็กดบัตรคิวให้ ให้ไปรอช่อง 3-8 สักห้านาทีก็เรียกจ่ายเงินครับ ของผมรวมทุกอย่างแล้วประมาณ 1,790 บาทมั้งครับ
จากนั้นเค้าก็ให้นั่งรอ ราวสิบนาทีก็เรียกชื่ออีกครั้งให้มารับเล่ม เสร็จแล้วครับ ผมอึ้งเลยทีเดียว เดินไปถามสองครั้งว่า เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ เค้าก็ย้ำมาอีกครั้ง ว่าเสร็จแล้ว ผมเดินออกมาอย่างสบายใจ สรุปแล้วเวลาทั้งหมดที่ใช้ไป ผมว่าน่าจะ 1 ชม. พอดิบพอดี ไวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย จากนั้นผมก็ขับรถมุ่งหน้าออกจากขนส่ง ระหว่างทางสวนกับพี่น้อง Monster ท่านไหนไม่รู้ในรั้วขนส่ง เค้าคงจำเสียงท่อได้ เห็นเหลือบมองกระจกนิดๆ คาดว่าคงมาเรื่องเดียวกัน ผมเสร็จแล้วก็กลับก่อน เอาไว้เจอกันใหม่นะท่าน
ยืดยาวมาพอสมควรเลย ผมขอจบเรื่องราวไร้สาระมา ณ โอกาส นี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน ที่ต้องการจะโอนรถนะคร้าบบบ
เอกสารสำคัญที่ใช้ในการโอนกรณีบุคคลธรรมดาสำเนาบัตรผู้ซื้อ
สำเนาบัตรผู้ขาย
เล่มทะเบียน
ใบรับโอนและตรวจสภาพรถ (ดาวน์โหลดในเว็บขนส่งได้)
ใบคำขอโอน (เอาที่ขนส่งตอนไปโอน)
ใบมอบอำนาจ(ดาวน์โหลดในเว็บขนส่งได้)
ใบคำขอใช้พื้นที่ขนส่งเขต(เอาที่ขนส่งตอนไปโอน)
เอกสารประกอบที่ควรมี เพื่อใช้ในทางดำเนินคดีหากมีข้อผิดพลาดสัญญาซื้อขาย
สำเนาทะเบียนบ้านผู้ซื้อ
สำเนาทะเบียนบ้านผู้ขาย
หลักฐานทางการเงินในการซื้อขาย หรือรูปถ่าย
ปล. ผมชื่อบอนด์นะครับ อายุ 32 อยู่แถวรัชดา ห้วยขวาง เห็นมีพี่ท่านนึงรึสองท่านขับ Monster ผ่านนหน้าตึกไซเบอร์ ศูนย์วัฒนธรรม แยกผังเมือง แล้วก็เหม๋งจ๋ายบ่อยๆ ยังไงเจอกันก็ทักกันบ้างนะครับ