อันนี้ผมอ่านเจอเลยเอามาแบ่งปันครับ
เรื่องการเปลี่ยนท่อไอเสีย.... ไม่ทราบว่าทำไมรถยนต์ถึงสามารถเปลี่ยนท่อไอเสียได้ แต่รถจักรยานยนต์กลับไม่สามารถกระทำได้ หากจะผิดก็ต้องผิดทั้งหมด แต่ทำไมตำรวจถึงเลือกปฏิบัติกัน และเรื่องการตรวจจับท่อไอเสีย ทำไมไม่มีเครื่องมือในการวัดความดัง ใช้เพียงความรู้สึกของตำรวจเท่านั้นหรือ และเท่าที่ทราบมา การตรวจวัดความดังของท่อไอเสีย จะต้องใช้อุปกรณ์ในการตรวจวัด และต้องตรวจวัดที่ความเร็วรอบตามคู่มือ แต่ตำรวจไทยกลับใช้ความรู้สึกในการวัดว่าดังหรือไม่ และก็เร่งเครื่องจนสุด โปรดตอบด้วยนะครับ...เพราะนี่คือการถามครั้งที่ 2 แล้วครับ... (ภูมิ)
อ้างถึง
เรียน คุณ ภูมิ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12 รถที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฎว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกระทรวง หรือเพิ่มเติมสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อื่นห้ามมิให้ผู้นั้นใช้รถจนกว่าจะจัดให้มีถูกต้องครบถ้วนหรือเอาออก ม.60 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ม.12 วรรคหนึ่ง...ปรับไม่เกินสองพันบาท ม.10 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดนำรถที่มีเครื่องยนต์ ที่มีก๊าซ ฝุ่น ควัน ละอองเคมี หรือเสียงที่เกินเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ม.152 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม..มาตรา 10 ทวิ ...ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งพันบาท และตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงดังหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน.... การเปลี่ยนท่อไอเสียของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีความผิดตาม กฎหมายจราจร ม.12 , ม.10 ทวิ และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.370 ถ้านำรถที่ก่อให้เกิดเสียงดังมาใช้ ความผิดตามกฎหมายจราจรนั้นเป็นการเพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้าไปในตัวรถซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น เช่นเสียงที่ดังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ท่อไอเสียที่ใหญ่ขึ้น พ่นควันดำและแผดเสียงดังออกมาเกินกว่าที่มาตรฐานเดิมและนำรถไปวิ่งในถนนส่งเสียงดังก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เป็นที่เอือมระอาแก่ผู้ที่ประสบพบเห็น เป็นความผิดทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ในการตรวจจับท่อไอเสีย (ควันดำ) หรือเสียงดัง ก็มีเครื่องมือวัดความดัง ตามกฎหมายจราจร ส่วนในกรณีของความผิดตามกฎหมายอาญา ม.370 นั้นเพียงแต่รถท่อเสียงดังก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับประชาชนก็สามารถจับกุมได้เลยมิต้องใช้เครื่องมือวัดแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กฎหมายจราจรหรือกฎหมายอาญา หรือใช้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องบำบัดทุกข์ให้แก่ชาวบ้าน และบังคับใช้กฎหมาย จับกุมผู้กระทำความผิดต่อไป ครับ....บก.จร.
พอจะเข้าใจกันมั๊ยครับ...งงกันอ่ะดิ่
งั้นเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังอีกทีนะครับ
คือว่า
1.การที่เราปรับเปลี่ยน ถอด หรือใส่ อุปกรณ์ใดๆเข้าไปในรถของเรา ซึ่งผิดแผกแตกต่างไปจากที่บริษัทผู้ผลิตให้มา ถือว่าผิดกฏหมาย
2.การเปลี่ยนท่อไอเสีย มีความผิดทั้งกฏหมายอาญา และกฏหมายจราจร กล่าวคือ...
2.1ความผิดทางกฏหมายจราจร..
2.1.1 พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12 รถที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฎว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกระทรวง หรือเพิ่มเติมสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อื่นห้ามมิให้ผู้นั้นใช้รถจนกว่าจะจัดให้มีถูกต้องครบถ้วนหรือเอาออก
ม.60 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ม.12 วรรคหนึ่ง...ปรับไม่เกินสองพันบาท(จำราคาค่าปรับด้วยนะครับ)
2.1.2 ม.10 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดนำรถที่มีเครื่องยนต์ ที่มีก๊าซ ฝุ่น ควัน ละอองเคมี หรือเสียงที่เกินเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ม.152 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม..มาตรา 10 ทวิ ...ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งพันบาท
2.2ฐานความผิดทางกฏหมายอาญา...
2.2.1 ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงดังหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน.... (ไมไม่ระบุโทษไว้หว่า...
)
และที่สำคัญ...
เจ้าหน้าที่สามารถเลือกใช้กฏหมายอาญา หรือกฏหมายจราจร อย่างหนึ่งอย่างใด หรือทั้ง 2 อย่างก็ได้ในการตรวจจับ...(โอ้ย...
)
กล่าวคือ...
ตามกฏหมายจราจร เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องมือวัดระดับเสียง และควันดำ...(อันนี้ได้มาตรฐานดี...
)
ตามกฏหมายอาญา เพียงแต่รถท่อเสียงดังก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับประชาชนก็สามารถจับกุมได้เลยมิต้องใช้เครื่องมือวัดแต่อย่างใด
ขอขอบคุณเวปที่มา ksrthailand โดยคุณ Pumbaa