ผู้เขียน หัวข้อ: มือใหม่ไปฝึกขี่ในสนามแข่ง ไม่ใช่เรื่องโอเว่อร์เกินไปครับ  (อ่าน 4948 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ kinikuman

  • ขี่ถนนในซอย ย่องๆชิดซ้ายอย่างเดียว
  • **
  • กระทู้: 134
  • Moto GP point: +3/-0
สวัสดีครับ ผมไปเขียนกระทู้นี่ไว้ใน pantip http://pantip.com/topic/32466421 เลยมาแปะในนี้ด้วยครับ เพื่อจะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ

เกริ่นนิด ผมเคยเขียนรีวิว เรื่องที่เรียนในแบบต่าง ๆ  ที่นึงที่ผมชอบที่สุด คือ การไปเรียนขับขี่ในสนามแข่ง (แต่ไม่ได้ไปเป็นนักแข่งนะครับ) เพราะ เรียนแบบขี่วนกรวยวิ่งแค่ 40-60 km/hr แต่เวลาเราขี่จริงมัน 120-150 km/hr ไม่มั่นใจว่ามันเอามาประยุกต์ใช้ยังไง

ครั้งแรกที่ผมไปหัดขับขี่ในสนามแข่ง ผมใช้ Monster 795 noABS (ซึ่งต้องถือว่าเป็น 795 เป็น Big Bike คันแรกที่ผมได้ใช้ขับขี่ท่องเที่ยวจริงจัง) หลังจากครั้งที่ไปเรียน ผมก็ยังแวะไปซ้อมมือ เพิ่มทักษะ ในสนามแข่งเรื่อย ๆ เมื่อมีโอกาศ จนปัจจุบันเมื่อผมได้เปลี่ยนเป็นรถแนวอื่น ค่ายอื่นแล้ว หลังจากได้รถใหม่มาสิ่งแรกที่ทำ คือ เอาไปหัดให้คุ้นเคยใน "สนามแข่ง"



หลายคนเข้าใจว่าสนามแข่ง ต้องไปแข่งอย่างเดียว เหมือนเป็นสถานที่ต้องห้ามของ ชาว Bigbike สายท่องเที่ยว หรือ Bigbike น้องใหม่ พอเอ่ยถึงสนามแข่ง ต้องดูเหมือนว่ามันจะเร็วทะลุโลก ต้องมีล้ม รถต้องตีลังกา เสียบกันปลิ้น กระเด็นเหมือนใน youtube แน่ ๆ

แต่ความจริง ผมอยากบอกว่า มันเป็นสถานที่ มือใหม่ หรือ เมื่อคุณได้รถคันใหม่มา ควรไปลงขี่ เพื่อให้คุ้นเคยกับรถครับ

ทำไมนะหรือครับ เพราะมันปลอดภัยกว่าถนนหลวงมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

(ขออนุญาติเจ้าของรูปทั้ง 2 รูป ณ ที่นี่ด้วยครับ แหล่งที่มาจาก link ใต้รูปครับ)

   1.พื้นสนาม ถูกสร้างมาเพื่อให้ยึดเกาะได้ดีกว่าถนนหลายเท่าตัวนัก
   2.ไม่มีรถสวนเลนส์ ทุกคนวิ่งทางเดียว
   3.ไม่มีเศษ หิน ดิน ทราย น้ำมันหก ที่จะทำให้เราลื่น
   4.โค้งสวย ๆ โค้งยาก ๆ ที่คุณจะเจอเฉพาะบนเขาลึก ๆ มีให้คุณได้ลองเพียบ แถมยังซ้ำได้ไม่รู้กี่สิบรอบ
   5.ล้มแล้วไม่โดนรถทับ หรือกระเด็นไปโดนขอบทาง  เพราะสนามจะมีหญ้า ทราย หรือยางรถกัน เพื่อเป็นพื้นที่เผื่อเราหลุดโค้ง ให้วิ่งทะลุไปได้
   6.ปกติบนท้องถนน คุณใช้ศักยภาพรถแค่ 60% ถ้าในสนามคุณจะสามารถทดลองดึงศักยภาพออกมาได้มากเกือบ 100% และเมื่อคุณสามารถดึงมันออกมาได้ 100% เมื่อไหร่ ใครเปลี่ยนโช็ค Ohlins ก็จะได้รู้แหละว่ามันไม่ได้มีดีแค่สีทองกับโลโก้สีฟ้า ใครใช้ Rosso2 ก็จะได้รู้ว่ามันเกาะกว่าแค่ไหน

สรุปคือมันตัดสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ออก ให้เราโฟกัสแค่ ตัวเรา รถเรา และถนน
ถ้ามีแค่นี้ "คุณยังคุมรถตัวเองไม่ได้ แล้วคิดว่าบนเขาถนนหลวงคุณจะคุมรถตัวเองได้หรือ" 
ปล. ส่วนใหญ่ที่นักแข่งล้มในสนามเพราะเขาต้องการทำความเร็วให้เหนือขีดจำกัดของตนเอง ถ้าขี่ตามปกติไม่ล้มกันง่าย ๆ ครับ


ความคิดผิด ๆ ที่ผมเคยเข้าใจผิด
     1.สนามสร้างเพื่อเฉพาะนักแข่ง - ไม่จริงครับ ถ้าเขาจะมีแข่ง เขาจะปิดสนาม ถ้าเขาไม่ปิดสนาม แสดงว่าเราก็มีสิทธิเข้าไปใช้ได้
     2.ต้องเป็นรถ sport มีแฟริ่ง และต้องยางสลิค เท่านั่น - ไม่จริงครับ รถอะไรก็ไปฝึกได้ครับ Touring Motard KSR wave100(แต่ยังไม่เคยเห็น Vespa กับ scooter)
     3.ต้องขี่เร็ว เท่านั่น มีเท่าไหร่ ใส่หมดปลอก -ไม่จริงครับ เราขี่เท่าที่เราขี่ได้พอครับ
ปล. แต่ที่จริง คือ อุปกรณ์เซฟตี้ ต้องมีครบครับ เสื้อยืด กางเกงขาสั้นไม่ได้นะครับ 555
   
แนะนำว่าควรมีสนับเข่าเป็นอย่างมากครับ ไม่ต้องเอาแพงมากก็ได้ แต่ขอให้มีครับ  ส่วน Racing suit ถ้าใครรักการขี่ Big Bike จะมีเก็บไว้สักตัวก็ไม่แปลกนะครับ มันออกแบบเพื่อให้เราขยับออกท่าทางได้ดีที่สุด และขณะเดียวกันก็ป้องกันตัวเราได้มากทึ่สุดด้วย ไม่ต้องเลือกที่แพงมาก ตัวละหมื่นนิด ๆ ก็มีครับ ตัวเดียวใส่ไปเลย 5-10 ปี นู่น แต่อยากให้ใส่ได้หลายโอกาศ ก็ Combine แบบแยกชิ้น (แต่ถ้าแยกชิ้นเท่าที่เห็นขายกันจะแพงประมาณ 3 หมื่นขึ้นหมด)


รถอะไรก็ไปขี่ได้ครับ

(รูปจาก FB Aj Noy Thitikorn ถ้าเจ้าของภาพเห็นไม่สมควร รบกวนช่วยบอกผมจะลบออกทันทีครับ)
2 ท่าน ขวามือ เป็นสาวสวย (ผมไม่เคยเห็นหน้านะ แฮะ แฮะ) ที่ไปเรียน จากขี่ไม่เป็นเลย ก็ลงเรียนในสนามแข่งเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2015, 04:58:28 PM โดย kinikuman »


ออฟไลน์ kinikuman

  • ขี่ถนนในซอย ย่องๆชิดซ้ายอย่างเดียว
  • **
  • กระทู้: 134
  • Moto GP point: +3/-0
ส่วนตัวผมเชียร์ ถ้าใครอยากหาที่เรียนเพิ่มทักษะ ผมเชียร์ ว่าไปเรียนที่สนามดีกว่าครับ
การที่คุณจะเรียนวนกรวย อีกกี่สิบรอบก็ไม่ได้ทักษะเท่าเรียนในสนามครั้งเดียวครับ เพราะคุณไม่ได้ใช้ความเร็วจริง
(ไม่ได้ หมายถึงว่า เรียนวนกรวยไม่ดีนะครับ อันนั่นก็เป็นพื้นฐานนึงเหมือนกัน )

วนกรวย จะอยู่ประมาณ เกียร์ 2 - 3 ความเร็วประมาณ 40-60 km/hr ซึ่งบนถนนเวลาออกทริปจริงคุณใช้ เกียร์ 3-6 คุณใช้ความเร็ว 120-150 km/hr หรือมากกว่านั่น และเข้าโค้งที่ความเร็ว 80-100  km/hr

ถ้าคนที่สนใจจะไปฝึกสนามแข่ง แนะนำว่า ครั้งแรกไม่ควรไปเองคนเดียว อย่างน้อยมีเพื่อนที่มีประสบการณ์ ไปแนะนำ ว่าจะขี่ยังไง จะออกตรงไหน จะเข้าตรงไหน อันไหนลงไปขี่ได้ อันไหนยังไม่ให้ลง วิ่งไลน์ไหนให้ไม่เกะกะคนอื่น อะไรห้ามทำ

ถ้าให้ดี ครั้งแรกผมแนะนำให้ไปลงเรียน กับที่ต่าง ๆ ที่เปิดสอนในสนาม (ส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่ 2000-3000 รถตัวเอง อุปกรณ์ตัวเองครับ ยกเว้นก็เฉพาะ Ducati ที่แพงมากกว่าเยอะครับ) ผมไม่ได้เคยไปมาทั้งหมดนะครับ แต่พยายามหาข้อมูลเท่าที่รู้ให้ครับ

(ภาพจากเวป www.tunespeed.com/ducati-riding-experience.html)
1.Ducati อันนี้แพงถึงมากที่สุด เพราะต้องผ่าน คอร์ท Basic (ที่สนามแดนเนรมิต) ก่อน เขาถึงจะให้ลง Intermediate (ที่สนามพีระ) รวม 2 คอร์ทนี้ก็ปาไปเป็นหมื่นแหละ และต้องเป็น Ducati เท่านั่น
    ข้อดี คือ สวยงาม อลังการ ตามแบบ Ducati ข้อเสีย คือ แพงถึงแพงมาก และ Intermediate จัดน่าจะปีละ 2-3 ครั้ง จัดไม่บ่อย
ปล. ภาพที่เห็นอันนี้เป็นเรียน Advance สอนโดย Troy Bayliss ถ้าจะถึงคอร์สนี้ (รวม 2 คอร์ทแรกด้วย) ก็น่าจะต้องมี 50000 บาท  เรื่องราคาผมไม่แน่ใจนะครับ



(ภาพจาก FB : Kawasaki Real MotoSports Bangkok)
2.Kawasaki Real มีอยู่เรื่อย ๆ ครับ น่าจะประมาณเดือนละครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง ติดตามรายละเอียดได้ที่  FB:Kawasaki Real MotoSports Bangkok ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดจะจัดที่สนามโกคาร์ท พีระเซอร์กิจครับ และต้องเป็นลูกค้าของ Kawasaki ครับ เน้นออกไปทางขับขี่ปลอดภัยมากกว่า


3.Piralli Academy track day น่าจะจัดประมาณ 3 เดือนครั้ง นะครับ รถอะไรเรียนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นแนวสปอร์ต เขาเหมาสนามพีระ (คราวก่อนแก่งกระจาน) แต่คนค่อนข้างเยอะประมาณ 30-50 คนเรียนรวมกัน (แต่ อ. หลายคนนะ)  และเน้นทาง Racing จ๊าเลย ติดตามข่าวสารที่ FB : Pirelli Thailand

4.มีนักแข่งหลายคนรับสอน แต่ผมไม่รู้ว่าใครบางอะ



(รูปจาก FB : Noy Thitikorn)
5.ส่วนตัวผมเลือกเรียน กับ อ.น้อย Noy Thitikorn ครับ เพราะไปเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ (ที่สนามว่าง) เรียนกลุ่มเล็กๆ เฉพาะเพื่อนในกลุ่มได้ ประมาณ 3-5 คน กำลังดี
  ปล .ถ้าใครอยากขี่แบบสบาย ๆ แนะนำว่าไปวัน จ-ศ ครับ เพราะนักแข่งอาชีพมาใช้สนามซ้อมน้อย เหมาะกับมือใหม่อย่างเรา ๆ

 

ออฟไลน์ kinikuman

  • ขี่ถนนในซอย ย่องๆชิดซ้ายอย่างเดียว
  • **
  • กระทู้: 134
  • Moto GP point: +3/-0
หลังจากที่ผมเรียนขี่ในสนาม ความความคิดที่เปลี่ยนไป คือ
     1.เราจะไม่สนใจว่าต้องลดความเร็วเหลือเท่าไหร่ ก่อนเข้าโค้ง แต่เราจะจำว่าต้องอยู่เกียร์อะไรก่อนเข้าโค้ง จะว่าไปคุณจะลืมไมค์ไปเลย ฟังแต่เสียงเครื่อง
     2.อ่านไลด์ บนถนนได้ง่ายขึ้น ถึงจะไม่แม่นเป๊ะเหมือนในสนาม แต่คุณทำโจทย์มาเป็น ร้อย ๆ ข้อ รับรองว่ามันเอามาประยุกต์ใช้ได้แน่นอน
     3.คุณจะลดความเร็วได้อย่างรวดเร็วในภาวะฉุกเฉิน - ในสนาม เทคนิคของนักแข่งที่ต้องทำความเร็วระดับ 180-200 km/hr มาเต็มเหนี่ยว และต้องกดให้ลดลงเหลือ 70-80 km/hr เพื่อเข้าโค้ง ภายในเวลาอันสั่นที่สุด และโค้งที่หักแคบมาก รับรองว่าคุณจะไม่กังวลเรื่องเบรคไม่ทัน หรือ ABS เอาไม่อยู่ น้อยลงไปอีกเยอะเลย
     4.คุณจะรู้ว่า CC เยอะๆ ม้าแรง ๆ ไม่ได้ทำให้คุณเร็วกว่าใคร คูณอาจหนี KSR หรือ MSX ไม่ได้ หรือ ดี ๆ ไม่ดี โดนแซงด้วย (คราวก่อนเห็น นักแข่งตัว 1000cc โดนนักแข่ง KSR ไล่ตามได้เกือบครบรอบสนาม สุดยอดเก่งมาก เก่งทั้งคู่ ไม่ต้องถามถึงผมนะ โดนแซงตั้งแต่โค้งแรก และโดนน็อครอบเละ 555)


MSX ตัวแรง ไล่จี้ตามนักแข่งตัว 1000cc ได้เกือบรอบสนามเลย ถ้าเป็นเรา ๆ ท่าน ๆ ทั่วไป นี่มีโดนน็อครอบแน่นอนครับ
แสดงให้เห็นเลยว่า ฝีมือสำคัญกว่ารถ ถ้าเราฝีมือดี รถอะไรก็สนุกได้แน่นอน




เกร็ดความรู้เล็กน้อย ที่ฟัง ๆ จาก อ. หรือพี่ ๆ นักแข่ง ผิดถูกประการใดช่วยแย้ง ผมอาจจะฟังมาแล้วเข้าใจไม่ 100%


1.ถูกไลน์ หรือยัง : ไลน์สำคัญมาก ๆ ครับ ต่อให้จะ Hang on สุดตัว หรือเตะขาโมตาร์ด ท่าทางการขับขี่คุณเทพแค่ไหน หรือ รถคุณจะแต่งเต็มแค่ไหน ยางดีที่สุด ก็หลุดโค้ง ถ้าไม่เข้าใจไลน์ที่ถูกต้องครับ จะขี่ได้ช้าหรือเร็ว ก็อยู่ที่ไลน์เหมือนกัน เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนในภูเขา ทำไมเพื่อนถึงดูไปเรื่อยๆ ไหลลื่นไปเรื่อยพลิกซ้ายขวาไปตามโค้ง แต่เรากับเบรคหัวทิ่มทุกโค้ง ทั้งที่เราขี่ 1000CC แต่ก็ไม่เคยตามเขาทัน ส่วนนึงก็เป็นเพราะเราอ่านไลน์ไม่เป็นครับ อันนึงที่ผมพอจะสังเกตุจากตัวเองได้ว่าไลน์เราโอเค คือ การเดินคันเร่งครับ  ปกติ เวลาเราลงโค้ง ลำดับก่อนถึงโค้งก็ คือ 1.ปิด(ยก)คันเร่ง 2. เบรค เชนเกียร์ 3.จัดท่า 4.เบนลงโค้ง 5.อมคันเร่ง(เดินคันเร่งเบา คลอ ๆ ไว้) 6.พ้น Apex ก็เปิดคันเร่งเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนสุด บิดบานโค้งออกไป รถจะกลับมาตั้งตรงเอง เนื่องจากเราเปิดคันเร่งเต็มที่
        วิธีการนึงที่ผมใช้สังเกตุ คือ ถ้าคุณลง ไลน์ถูก การเดินคันเร่งในโค้งจะ smooth คือ คุณจะคลอคันเร่งไปได้เรื่อย จนพ้น Apex แล้วเปิด คันเร่ง ต่อขึ้นไปเรื่อยจนสุด ๆ  แต่ถ้าคุณลงไปในโค้งแล้ว ต้องแบบ เปิด ปิด เปิด ปิด คันเร่งแสดงว่าคุณมาผิดไลน์ คือ เข้ามาด้วยความเร็วช้าไป เข้ามาด้วยความเร็ว เร็วไป หรือเข้าผิดไลน์ คุณเลยต้องเปิด ปิด เปิด ปิด เพื่อรักษาความเร็ว


(ขอบคุณ คุณ TomatoHize@pantip แนะนำ link อธิบาย มาพร้อมกราฟฟิคบอกความเร็ว แหล่มมากเลย ลองดู 0:35-0:41 จะเห็นชัดสุดครับ)     
ปล.กดปุ่ม Play แล้วกดคำว่า watch on youtube นะครับ มันจะ link เข้า Youtbe ดูจากหน้าเวปพันทิพย์ ต้นฉบับเขาไม่ยอม
   
ลองดูใน youtube พวกสนามแข่งก็ได้ครับ เวลาก่อนเขาจะเข้าโค้งจะได้ยินเสียง เชนเกียร์ เครื่องยนต์ อืออ อืออ อืออ เพราะ เอนจิ้นเบรค พอลงโค้งไปเสร็จจะเริ่มได้ยินเสียงคันเร่ง และเร่งขึ้นไปเรื่อยจนออกโค้ง แบบ "บรืน น  น  น นนนนนนน" จะไม่ค่อยเป็นแบบ บรืน อืออ บรืน อืออ บรืน อืออ
        แต่บนถนนหลวงก็ไม่ต้องให้เป๊ะแบบในสนามแข่งนะผมว่า แต่อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ควรจะเป็นแบบ เบรคหัวทิ่ม แล้วก็ค่อย ๆ ย่อง เขาโค้ง




2.เข่าเช็ดพื้น (คือ การที่ knee slider ที่อยู่ข้าง ๆ หัวเข่า ในชุด racing suit แตะโดนพื้นสนาม ไม่ได้หมายถึงลูกสะบ่าหัวเข่าโดนจริงๆ นะครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาทำเพื่อให้เช็คว่าเราเบนลงมาแค่ไหน คล้าย ๆ เอาขาลงไปละ ๆ พื้น เพื่อกะระยะ ) : ไม่ได้ มีความหมายว่าขี่เก่ง หรือว่า ไม่ได้หมายความว่าการเข้าโค้งที่ดีจำเป็นต้องเข่าเช็ดพื้น และไม่ควรเอาไปทำถนนหลวงด้วย เข่าเช็ดพื้นไม่จำเป็นต้องขี่มาเร็ว แต่ต้องขี่ถูกไลน์ และท่วงท่าที่ถูก ถ้าไลน์ไม่ถูก ต่อให้คุณกดลงไปยังไง มันก็จะกลายเป็นคว่ำไปแทน (ที่พูดนี่ คือ กรณีขี่ในสนามนะครับ ไม่ใช่ขี่วนลานโล่ง ๆ เพราะในสนามมีขอบเขตถนนชัดเจน เราต้องวิ่งให้ถูก ไม่สามารถวนกว้าง วนแคบได้ตามใจ)
        ท่าขับขี่ คือ คุณต้องเขยิบก้นออกจากเบาะ แทงศอก แทงเข่า เข้าไปในโค้ง เป็นแบบ hang on ทำให้น้ำหนักตัวไม่กดลงบนรถโดยตรง เหนี่ยวน้ำหนักลงเข้าไปในโค้งเพื่อหนีแรงเหวี่ยง
        ยกตัวอย่าง ผมก็เข่าเช็ดพื้นทุกโค้งนะ แต่ทุกโค้งคนที่แซงผมไปเขาก็ไม่เห็นมีใครต้องเข่าเช็ดพื้นเลย เขามาแล้วก็แซงไป ชิว ๆ เพราะที่สำคัญกว่า คือ เขามาถูกไลน์กว่าผม
   
        ปล. องศาการเอียงของรถปกติทั่วไป ถึงจะปรับแต่งบางแล้ว ก็ลงไม่ได้เยอะเหมือน MotoGp นะครับ อย่าคิดว่ารถเรา ๆ ท่าน ๆ จะไปนอนราบแบน แบบ Rossi ได้นะครับ
       

        การ Hang on ส่วนนึงทำให้ องศาการเอียงจะน้อยลง ทำให้พักเท้าไม่ขูดพื้น เพราะฉะนั่น ถ้ามือใหม่บางคนพักเท้าครูดพื้น
   ลองเขยิบก้น ห้อยออกมาเยอะ ๆ ก่อนครับ พอทำได้ถูกแล้วพักเท้าจะไม่ครูด แต่ถ้าต่อไปอนาคตเราเบนลงไปได้อีกก็ค่อยไปเปลี่ยนเป็นเกียร์โยง เพื่อให้ท่าขับขี่ดึขึ้นไปได้อีกครับ อย่าพึ่งไปเปลี่ยนก่อนครับ อันดับแรกแก้ที่ตัวเราก่อน แล้วค่อยไปแก้ที่รถต่อครับ


3.สุดหน้ายาง : ลองไปเดิน ๆ ดูยางหลัง ของรถ Bigbike ที่จอดส่วนใหญ่ จะเห็นได้ว่า มันยังไม่สุดหน้ายาง บางคนเหลือประมาณ 1 cm บางคนเหลือ 1 นิ้ว บางคนมีรอยเฉพาะตรงกลางเลย แสดงให้เห็นว่ายังเบนโค้งลงไม่สุด อาจะเป็นเพราะขับเฉพาะในเมือง ไม่ค่อยได้เล่นโค้งตามเขา


   แต่ผมว่าขี่บนถนนหลวงไม่น่าจะทำให้จนสุดน่ายางได้นะ และก็ไม่ควรทำบนถนนหลวงด้วยครับ เพราะสภาพถนนไม่ได้ออกแบบมาให้ยางเกาะได้ขนาดนั่น ถ้าเห็นคนที่ยางเป็นขุ่ย ๆ สุดหน้ายาง ผมมั่นใจว่าเขาต้องไปขี่สนามมาแน่ ๆ  เช่น กันครับ คนขี่หมดหน้ายางได้ก็ไม่ได้หมายถึงขี่เก่ง หรือขี่เร็วกว่า แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่า ไลน์ถูก ท่าถูก เลยเบนไปได้จนสุด
  ยกตัวอย่าง ยางทัวริ่งแบบรถผม ก็ลงไปสุดหน้ายางได้ เข่าเช็ดพื้นได้ แต่อาจจะไม่สามารถวิ่งไปได้เร็วเหมือนยางรถแข่ง เพราะฉะนั่นก่อนตัดสินใจเปลี่ยนยาง ไปทดลองลิมิต ของรถเราก่อนครับ ว่าเราลงได้สุดยางหรือยังครับ อย่าพึ่งคิดว่าที่ลงไม่สุดยาง เพราะยางไม่ดีนะครับ


4. ลายยาง ปกติลายยางเอาไว้เป็นที่รีดน้ำ ทราย หรือเศษอื่น ไปหลบในร่องลายยาง เพื่อที่ให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มที่ นั่นคือ function ของมันครับ ในสนามยางจะไม่มีลายยาง เพราะในสนามไม่จำเป็นต้องรีดอะไรไปหลบในร่อง เพราะฉะนั่นยางแข่งเลยเรียบไรลาย (เคยดูใน youtube Cornering bible - Twist of the wrist 2 เขาบอกตอนเราวิ่งในโค้ง พื้นยางสัมผัสถนนเล็กกว่านามบัตรซะอีก )
   
5.โช็ค ปกติคนส่วนใหญ่ชอบเปลี่ยนโช็คหลังครับ ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่ามันดีขึ้นยังไง พอไปขี่ จะมีอาการนึงออกมาครับ คือ พอพ้นโค้งแล้วท้ายดีด แบบสะบัด อ. บอกว่าเกิดจากโช็คดังเดิมจะยุบและคืนเร็วเหมือนสปริง แต่ถ้าพวก YSS หรือ Ohlins ที่นักแข่งใช้ เขาจะยุบตัวและค่อย ๆ ๆ คืน อาการดีด เกิดเมื่อ เราเบนโค้งสุด ๆ โช็คยุบ แต่ยังไม่ทันจะพ้นโค้ง มันดีดกลับขึ้นมาก่อน ส่วนโช๊คที่เขาเปลี่ยนในสนามจะ set ให้แข็งกว่าปกติ คือประมาณว่าเอารถแข่งมาขี่บนถนน แล้วสะโพกเคล็ด อุจาระหักในได้ อะครับ เพราะฉะนั่นโช็คที่เปลี่ยนไป ราคาแพง อาจจะต้องมาควบคู่กับการ set ที่เหมาะสมด้วยครับ

6.การแต่งรถ หรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ : อ.บอกว่า มาแรก ๆ รถจะเก่งกว่าคน เช่น (รถ100/ตัวเรา60) พอเรามีทักษะ Basic ดีพอ ก็จะกลายเป็นเราเก่งกว่ารถ (รถ100/ตัวเรา120) เราจะเริ่มรู้ว่ารถมีอาการอะไร และจะต้องแก้ด้วยวิธีการไหน คราวนี้ก็ต้องปรับแต่งรถให้เก่งตามเราขึ้นมา (รถ150/เรา120) เราก็จะอัพตัวเองขึ้นไปได้ พอเหนือกว่ารถอีก (รถ150/ตัวเรา200) เราก็ต้องทำรถให้อัพตามเราไล่อย่างงี้ไปเรื่อย ๆ แต่ที่ อ. บอกว่าแปลก คือ เห็นหลายคนยังไม่พัฒนาฝีมือเลย แต่แต่งรถแซงล่วงหน้าไปแหละ (รถ300/ตัวเรา60) ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ ซื้อมาเปลี่ยนใส่ลงไป มันไปแก้ปัญหาเรื่องไหน ช่วยอะไร จัดตัวท็อปไว้ก่อน



หลังจากที่ผมไปขี่ในสนาม 3-4 ครั้ง ผมบอกได้เลยว่าผมมั่นใจมากขึ้นมาก ในภูเขาที่โค้งเยอะ ๆ แต่ "ไม่ได้หมายถึงว่าผมขี่ได้เร็วปรี๊ด" นะคับ 
แต่แค่ ผมรู้ "ลิมิตตัวผม และ ลิมิตของรถผม" ว่าทำได้แค่ไหนมากกว่า แค่ไหนที่ยังอยู่ใน zone safety ของผม แต่ก็ไม่ใช่การขี่แบบ ย่องๆ เขาโค้ง คือ "เร็ว และ สนุกในลิมิตของเรา"

ซึ่งผมก็ยังเชื่อว่าวิธีที่หาลิมิต ของตัวเองดีที่สุด ไม่ใช้การไปทดสอบบนถนน แต่คือการทดสอบบนสนาม มากกว่า

ฝึกในสนาม "ไม่ต้องไปขี่เร็ว หรือแข่งกับใคร" จุดประสงค์ มือใหม่อย่างเรา คือ มาดึงทักษะออกมาให้ได้ 100% เข้าใจลิมิตรถเรา (รถเดิม ๆ ออกศูนย์นี่แหละ) ให้ได้ 100% เพื่อเอาไปใช้จริงบนถนนแค่ 60%

สุดท้ายนี้ เขียนมาซะยาว สาระอาจไม่ได้มาก แหะ แหะ  อยากให้เพื่อน ที่รักการออกทริปเล่นโค้งสวย ๆ ตามภูเขา หาเวลาชวน ๆ กันไปขี่ในสนามสักครั้ง สองครั้ง เพื่อเพิ่มทักษะ  ลดอุบัติเหตุ อย่างน้อยอุบัตเหตุที่เกิดจากการไม่มีทักษะ ก็แก้ได้โดยการเพิ่มทักษะในที่ ๆ ปลอดภัย ดีกว่าไปหาทักษะ ไปลองผิดลองถูกบนถนนหลวง นะครับ

  แต่ก็ใช่ว่าขี่ในสนามคล่องแล้ว จะไปซ่าบนถนนหลวงนะครับ บนถนนหลวงเรามาแข่งกันปลอดภัย ใครไม่เคยล้มไม่เคยชน = ชนะดีกว่า ผมเชื่อว่าถ้าขี่อยู่ในลิมิต ของตัวเองไม่ได้แข่ง ไม่ได้เร่งตามใคร ผมว่าเราทุกคนเอาอยู่

"สนามล้มเป็นสิบครั้งไม่ตาย แต่บนถนนหลวงล้มครั้งเดียวอาจตายเลยครับ"


......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2015, 05:08:40 PM โดย kinikuman »

ออฟไลน์ kinikuman

  • ขี่ถนนในซอย ย่องๆชิดซ้ายอย่างเดียว
  • **
  • กระทู้: 134
  • Moto GP point: +3/-0
วิธีขี่ในสนามของมือใหม่ แบบคราว ๆ เอาเท่าที่ผมรู้นะครับ ยกตัวอย่างไทยแลนด์เซอร์กิจนะครับ


ขอบคุณรูปจากคุณ "อยากให้ทุกคนพร้อมที่จะจัด@pantip"

ปกติสนามในเมืองไทย ไม่มี instuctor มาอธิบายเหมือนเราไปเล่น เวคบอร์ด หรือ โกคาร์ท อะไรพวกนั่นนะครับ ประมาณว่าเรื่องบางเรื่องต้องรู้มาเอง
(แต่ยังไงผมก็ยังเชียร์ว่าครั้งแรกควรไปกับผู้มีประสบการณ์)

1.ดูก่อนว่าในสนามเป็นรอบของใคร บางทีเขาแบ่งขับระหว่างรถยนต์ กับ มอเตอร์ไซค์ คนละชั่งโมง หรือแบ่งระหว่างนักแข่งซ้อมกับบุคคลทั่วไป อย่าทะเลอทะล่า ลงรอบรถยนต์นะครับ 555

2.ออกจากพิท จะเจอ T1 เลย ซึ่งคนที่อยู่ในสนามส่วนใหญ่จะบิดมาเต็ม ก่อนถึงโค้งนี้ เพราะเป็นทางตรงยาว ฉะนั่น ก่อนออก ควรจอดดูให้แน่ ๆ ว่าไม่มีใครกำลังพุ่งมาเร็ว

3.ห้ามขี่ย้อนศร ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั่งนั่นครับ

4.ในสนามคุณจะขี่กี่รอบก็ได้ 1 รอบแล้วพอ หรือ ขี่ไปเรื่อย ๆ ก็ได้ แต่ปกติจะมีธงบอก สีเหลือง หมายถึง track ไม่ปลอดภัย  อาจมีรถล้ม หรืออะไรสักอย่าง ควรชะลอความเร็วลงครับ แต่ไม่ใช้จอดกลาง track นะครับ ธงแดง คือ ให้หยุดวิ่ง เตรียมกลับเข้าพิท อาจหมายถึง หมดรอบ เตรียมเปลี่ยนเป็นรถยนต์ลง หรือไม่ก็นักแข่งลงซ้อม หรือไม่ก็มีรถล้มหนัก ต้องหยุดวิ่งเพื่อเคลียร์สนาม เช่นมีน้ำมันหก อะไหล่กระจาย

5.กลับเข้าพิท ไทยแลนด์เซอร์กิจ มีโค้งซ้ายแคบก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าพิท เราจะกลับเข้าพิท ก็ไม่ใช่มาซะเต็ม บิดบานโค้ง พอจะถึงทางเข้าเลี้ยวซ้ายหักตัดหน้าคนเข้ามานะครับ  โค้งสุดท้ายก็ชะลอลงหน่อยเกาะในโค้งแล้วเลี้ยวเข้ามาในพิท

6.ถ้าลงโค้งไปแล้วรู้ว่าไม่รอดแน่ บานโค้งชัวน์ ให้ตั้งรถแล้วขี่ตรงทะลุลงหญ้าไปเลยครับ อย่าพยายามฝืนเบนเพิ่มหรือเบรคจนรถหยุดค้างหน้า Apex นะครับ คนอื่นลงโค้งจะเข้า Apex เสียบท้ายได้

7.อย่าไปซ่ากับนักแข่ง หรือคนที่เร็วกว่า เราได้ยินเสียงเครื่องเขามาข้างหลังแหละ ก็ไม่ใช่ไปเร่งเครื่องหนีเขา พุ่งเข้าโค้ง แล้วก็ไปเบรคหน้าทิ่มลงโค้งปาดหน้าเขา ปล่อยให้แซงเราทางตรงๆ นี่แหละครับปลอดภัย ไม่ได้มาแข่ง เขามาซ้อมกัน ไม่ต้องแทงกั๊กไลน์เขา ถ้าอยากแข่งก็ลงแข่งเป็นเรื่องเป็นราวดีกว่า

8.กลับกันถ้าเราจะแซงคนอื่น ก็เลือกที่แซงนิดนึง ส่วนใหญ่มือใหม่มากๆ ที่ขี่ช้า กลุ่มที่มาเรียน จะโดนคุ้มความเร็วไว้อยู่ คือ พอพ้นโค้งเขามักจะไม่เร่งความเร็วไล่เกียร์ขึ้น 4 5 6 ส่วนใหญ่เขาก็จะคงเกียร์ 3-4 ไว้เพื่อรอเข้าโค้งหน้าเลย ถ้าเราเร็วกว่าแต่ไม่ได้ชำนาญเหมือนนักแข่ง ก็รอแซง ตรงทางตรง เช่น หลัง T5 หรือ ก่อนเข้า T1

อย่ามาเก่งกับมือฝึกใหม่ครับ เคยเจอแบบนี้ครับ คือ โค้งขวากว้าง T6 เราขี่มาปกติ ออกซ้ายเตรียมเบนลงโค้งทางขวา มีนักบิดมือกลาง ๆ (ไม่ใช่นักแข่ง) แซงทิ่มขวามา กันไม่ให้เราลง แล้วก็เบรคสุดตัวลงโค้งไป ส่วนเราก็จะเบนลงโค้งก็ไม่ได้เพราะติดท่านนั่น เลยต้องเบรคสุด เพื่อให้เขาไปก่อนแล้วค่อย เบนลงโค้งไป ถามว่าท่านจะทำเพื่อ

กรณีนี้ มือใหม่บางท่านจะตกใจ บางคนทำตัวไม่ถูก บางคนก็ไม่รู้ตัวเบนโค้งไปตามปกติ ซึ่งเขาก็จะเบนไปทับกับท่าน ก็ชนกัน ล้มทั้งคู่ เจ็บทั้งคู่ เสียตังค์ซ่อมทั้งคู่ แต่ไม่มีใครได้ยืนบนโพเดี่ยม ไม่มีใครได้ถ้วย  ถ้าท่านจะบังไลน์แบบนักแข่งขนาดนั่น ลงแข่งเถอะครับ
 
ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นนักแข่งเขาแซงผมในโค้ง คือ ตอนพ้น Apex ตอนยิงชู้ตออกโค้ง อันนั่นจะไม่น่ากลัว เพราะเรากำลังจะบิดบาน ออกโค้งเหมือนกัน ส่วนนักแข่ง เขาจะเข้ากินไลน์ในกว่า แล้วยิงชูตยาวออกไปเลย

8.ห้ามชลอ กลางสนามถ้าจะช้าพุ่งออกข้าง track ไปเลย

9.อย่าไปมองกระจกหลัง ถ้าเรามั่วแต่พะวักพะวัง ว่าใครจะมาใครจะไป พาล จะสอยไปทั้งคู่ แนะนำว่าถอดเก็บไปเลยก็ได้ครับ

เท่ามี่นึกออกประมาณนี้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2015, 05:07:29 PM โดย kinikuman »

ออฟไลน์ leo1234

  • วัยช่างฝัน หวังวันควบ2ล้อออกถนน
  • *
  • กระทู้: 11
  • Moto GP point: +0/-0

ออฟไลน์ peerachat

  • วัยช่างฝัน หวังวันควบ2ล้อออกถนน
  • *
  • กระทู้: 8
  • Moto GP point: +0/-0