ส่วนตัวนะครับผมคิดว่ากรณีที่ถังฟู่นั้นเกิดจาก การที่วิศวกรเค้าออกแบบมาเพื่อให้ภายในถังมีแรงดันเพื่มขึ้นเพื่อป้องกันไม่น้ำมันระเหยออกไปจากถังเพราะความร้อนจากเครื่องยนต์
ถ้าภายในถังไม่มีแรงดันเพิ่มขึ้นจะเท่ากับว่าเราจะสิ้นเปลืองน้ำมันทั้งจากการเผาใหม้และระเหยออกไปจากความร้อนของเครื่องยนต์ที่กระจายออกมาทุกทิศทุกทางครับ การที่ถังมีแรงดันเพิ่มจะเท่ากับเพิ่มจุดเดือด (boiling point) ให้กับเชื้อเพลิงในถัง
ซึ่งจะทำให้เชื้อเพลิงในถังกลายเป็นไอได้ยากขึ้นทำให้เราไม่ต้องสิ้นเปลืองในส่วนที่ระเหยออกไปฟรีๆ เช่นเดียวกับฝาหม้อน้ำรถยนต์นะครับ ที่ฝาจะบอกว่า 1.1barg. จุดประสงค์ก็คือไม่ต้องการให้น้ำเดือดที่ 100 องศาครับ ผมว่าไม่น่าซีเรียสกับการที่ขี่ไปเกือบ 200 กิโลแล้วเปิดให้ถังฟู่หนึ่งครั้งนะครับมันเป็นทุกคัน ขับขี่กันอย่างสนุกกันนะครับ
ฆผิดผลาดประการใดขอโทษใว้ที่นี้นะครับmon32
ครับ ผมก็พยายามคิดอย่างนั้นครับ แต่ทุกวันนี้ยังไม่ได้รับคำตอบหรือคำอธิบายจากทางผู้เกี่ยวข้องเลยครับ ถ้าเป็นอย่างที่ว่าจริง คำอธิบายที่ชัดเจนต้องมีครับ
ในอีกประเด็นหนึ่งที่ผมตั้งโจทย์ไว้คือ ความร้อนที่เกิดขึ้นในสภาพการใช้งานจริงๆของเรา มันเกินกว่าวิศวกรอิตาลีจะคำนวณไว้หรือเปล่า
หากวิ่งฉิว ลมที่ผ่านตัวถังก็ช่วยระบายความร้อนที่เกิดขึ้นได้ และช่วยระบายไอน้ำมันที่เดือด เคสนี้ ผมรับได้ครับ
แต่หาก เจอรถติด สภาพแบบกรุงเทพช่วงเร่งรีบ ลมผ่านตัวเครื่องน้อย ไอน้ำมันเดือดๆอยู่ใกล้ๆตัวท่าน เคสนี้ ผมรับไม่ได้ครับ เพราะความเสี่ยงอยู่ที่ตัวท่านเต็มๆ
วิธีปรับแก้ที่ท่านทั้งหลายพยายามทดลองกันอยู่ จริงๆแล้วมันต้องเป็นหน้าที่ของผู้ขายที่ต้องแก้ปัญหาให้เราครับ กลับกลายเป็นว่า พวกเรามาเสี่ยงทดลองตนเองแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยบริษัทกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ และ ยังคงขายรถออกมาวิ่งเรื่อย
ผมกำลังรอคำตอบหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นทางการอยู่ครับ
กำลังดูว่า Asian model ที่เคลมกัน มันมีอะไรที่ออกแบบเพื่อการนี้บ้างครับ