เรื่องลมธรรมดา กับลมไนโตรเจน
แนะนำใช้ลมธรรมดาดีกว่าครับ
เนื่องจาก เรามีแค่ 2 ล้อ ไม่ได้
มี4 ล้อเหมือนรถยนต์ ดังนั้นเราต้องอาศัยเนื้อยางในการยึดเกาะถนน
มากกว่ายางรถยนต์ครับ ยางมอไซค์ของพวกเรา ยิ่งร้อนยิ่งเกาะครับ
ไม่งั้นพวกรถแข่งเค้าจะวอร์มยาง เบินร์ยางกันทำไม ให้เปลืองล่ะครับ
หากว่าลมไนโตรเจนทำให้อุณหภูมิของยาง ไม่ร้อนงั้นก็แสดงว่ายางของเรา
ที่ซื้อมาราคาแสนแพง ก็ไม่ได้ใช้เต็มประสิทธิภาพน่ะซิครับ ที่เรายอมจ่ายเงิน
ในราคาสูงๆ เพื่อแลกกับยางยี่ห้อดังที่นักแข่งทั่วโลก เค้าใช้กัน เพื่อประสิทธิภาพ
และประสิทธิผล ของยางดังนั้นเราอย่าไปปิดกั้น คุณภาพของยางด้วยความเข้าใจผิดๆ
อีกต่อไปเลยครับ
หากย้อนกลับมาถามผมว่า แล้วทำไมรถยนต์ ถึงเลือกเติมไนโตรเจน จึงดีกว่า
คำตอบก็ง่ายพอๆกับคำถามนั่นแหละครับ เนื่องจากรถยนต์มี 4 ล้อ ครับ
แต่ละล้อมีหน้าสัมผัสกับถนนมากกว่ามอไซค์เยอะครับ ลองสังเกตุดูหน้่ายาง
มอไซค์ของเรา จะนูนตรงกลาง ทำห้หน้าสัมผัสน้อย แต่ของรถยต์ จะตัดตรง
จึงมีหน้าสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่า แรงเสียดทานเยอะกว่า ความร้อนสะสมจึง
เยอะตาม อีกอย่างนะครับเรื่องของน้ำหนักของรถก็มีส่วนครับ ที่จะเพิ่มแรงกด
ให้กับหน้ายาง การระบายความร้อน หรือการสัมผัสกับอากาศระหว่างยางเปลือย
กับยางที่อยู่ในซุ้มล้อ นี่คือเหตุผลคร่าวๆ ครับ
ผิดถูกอย่างไร วิจารณ์ด้วยนะครับ
ลมไนโตรเจน ไม่ได้ทำหน้าที่ให้ ยางไม่ร้อนนะครับ
ก่อนอื่นต้องแยก สองประเด็นนะครับ อย่าเอามารวมกัน เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันใหญ่
เรื่องแรก ลมไนโตรเจน เป็นลมที่มีการ "ขยายหรือหดตัว" น้อยมากเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
ทำให้ ลมยางที่เติมไนโตรเจน ค่อนข้างจะคงที่แม้จะวิ่งมาเป็นระยะเวลานานก็ตาม
ซึ่งแปลว่า หน้าสัมผัสยางกับถนนจะ "เท่าเดิม" ตลอดเวลา
เรื่องที่สอง ความร้อนของยาง ยางมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ จะยิ่งร้อน ยิ่งเกาะ เรื่องนี้ถูกต้องแล้วครับ
คำว่ายางร้อน คือหมายถึง ส่วนของเนื้อยางเอง ที่ยิ่งร้อนจะยิ่งนิ่ม ยิ่งนิ่มจะยิ่งเกาะ
ทีนี้ พอยางร้อน ถ้าเป็นลมธรรมดา อากาศที่อยู่ด้านในยางจะโดนความร้อนของยางทำให้อากาศขยายตัว ยางจึง "แข็งขึ้น"
พอยางแข็งขึ้น ก็แปลว่า "พื้นที่สัมผัสระหว่างถนนกับยางจะลดลง"
ในทางกลับกัน ถ้าเป็นลมไนโตรเจน ความร้อนของยางจะไม่มีผลกับมวลอากาศภายในยาง เพราะว่า ลมไนโตรเจน ขยายตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับลมธรรมดา
พื้นที่หน้าสัมผัสยางก็จะ "เท่าเดิม" แบบที่บอกไปตอนแรกนะครับ