Ducati Bikers Thailand
Riding Technique & learning center => TOP HIT !!! Question For New biker => ข้อความที่เริ่มโดย: ฺBoyclassic(Boy) ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2012, 01:24:40 PM
-
พยามยามหาข้อมูลหลายๆแหล่งแล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนเหมือนกันเลย....
1.การวัดลมยางควรวัดตอนไหนกันแน่ครับ เย็นหรือร้อน mon40
2.แรงดันที่พอดีของล้อหน้า-ล้อหลังคือค่าเท่าไหร่กันแน่???...หรือยิ่งถ้ามีสูตรคำนวนกับน้ำหนักคนขับเลยยิ่งดีครับ mon10....
-
พยามยามหาข้อมูลหลายๆแหล่งแล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนเหมือนกันเลย....
1.การวัดลมยางควรวัดตอนไหนกันแน่ครับ เย็นหรือร้อน mon40
2.แรงดันที่พอดีของล้อหน้า-ล้อหลังคือค่าเท่าไหร่กันแน่???...หรือยิ่งถ้ามีสูตรคำนวนกับน้ำหนักคนขับเลยยิ่งดีครับ mon10....
1. ตอนเย็น ดีที่สุดครับ เพราะยางและแรงดันภายในยางยังไม่ขยายตัวจากความร้อน
2. อันนี้ไม่แน่ใจครับ แต่ผมเติม หน้า 34 / หลัง40 อาจจะผิดก็ได้นะครับ mon6 สเปคโรงงานเท่าไหร่หว่า
-
พยามยามหาข้อมูลหลายๆแหล่งแล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนเหมือนกันเลย....
1.การวัดลมยางควรวัดตอนไหนกันแน่ครับ เย็นหรือร้อน mon40
2.แรงดันที่พอดีของล้อหน้า-ล้อหลังคือค่าเท่าไหร่กันแน่???...หรือยิ่งถ้ามีสูตรคำนวนกับน้ำหนักคนขับเลยยิ่งดีครับ mon10....
ให้ชัวต้องเย็นครับ เพราะร้อนแล้ว ลมในล้อจะขยายตัวค่าจะเปลี่ยน
ล้อหนเา42ล้อหลัง45 อันนี้ช่างบอกมานะครับ ส่วนสูตรผมไม่มีครับ รอท่านอื่นมาเสริม
-
พยามยามหาข้อมูลหลายๆแหล่งแล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนเหมือนกันเลย....
1.การวัดลมยางควรวัดตอนไหนกันแน่ครับ เย็นหรือร้อน mon40
2.แรงดันที่พอดีของล้อหน้า-ล้อหลังคือค่าเท่าไหร่กันแน่???...หรือยิ่งถ้ามีสูตรคำนวนกับน้ำหนักคนขับเลยยิ่งดีครับ mon10....
ให้ชัวต้องเย็นครับ เพราะร้อนแล้ว ลมในล้อจะขยายตัวค่าจะเปลี่ยน
ล้อหนเา42ล้อหลัง45 อันนี้ช่างบอกมานะครับ ส่วนสูตรผมไม่มีครับ รอท่านอื่นมาเสริม
พยามยามหาข้อมูลหลายๆแหล่งแล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนเหมือนกันเลย....
1.การวัดลมยางควรวัดตอนไหนกันแน่ครับ เย็นหรือร้อน mon40
2.แรงดันที่พอดีของล้อหน้า-ล้อหลังคือค่าเท่าไหร่กันแน่???...หรือยิ่งถ้ามีสูตรคำนวนกับน้ำหนักคนขับเลยยิ่งดีครับ mon10....
1. ตอนเย็น ดีที่สุดครับ เพราะยางและแรงดันภายในยางยังไม่ขยายตัวจากความร้อน
2. อันนี้ไม่แน่ใจครับ แต่ผมเติม หน้า 34 / หลัง40 อาจจะผิดก็ได้นะครับ mon6 สเปคโรงงานเท่าไหร่หว่า
เห็นไหมครับ!!!ขนาดพี่สองคนยังเติมไม่เท่ากันเลยครับ....มันน่าจะมีสูตรนะผมว่า mon6
-
พยามยามหาข้อมูลหลายๆแหล่งแล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนเหมือนกันเลย....
1.การวัดลมยางควรวัดตอนไหนกันแน่ครับ เย็นหรือร้อน mon40
2.แรงดันที่พอดีของล้อหน้า-ล้อหลังคือค่าเท่าไหร่กันแน่???...หรือยิ่งถ้ามีสูตรคำนวนกับน้ำหนักคนขับเลยยิ่งดีครับ mon10....
ให้ชัวต้องเย็นครับ เพราะร้อนแล้ว ลมในล้อจะขยายตัวค่าจะเปลี่ยน
ล้อหนเา42ล้อหลัง45 อันนี้ช่างบอกมานะครับ ส่วนสูตรผมไม่มีครับ รอท่านอื่นมาเสริม
พยามยามหาข้อมูลหลายๆแหล่งแล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนเหมือนกันเลย....
1.การวัดลมยางควรวัดตอนไหนกันแน่ครับ เย็นหรือร้อน mon40
2.แรงดันที่พอดีของล้อหน้า-ล้อหลังคือค่าเท่าไหร่กันแน่???...หรือยิ่งถ้ามีสูตรคำนวนกับน้ำหนักคนขับเลยยิ่งดีครับ mon10....
1. ตอนเย็น ดีที่สุดครับ เพราะยางและแรงดันภายในยางยังไม่ขยายตัวจากความร้อน
2. อันนี้ไม่แน่ใจครับ แต่ผมเติม หน้า 34 / หลัง40 อาจจะผิดก็ได้นะครับ mon6 สเปคโรงงานเท่าไหร่หว่า
เห็นไหมครับ!!!ขนาดพี่สองคนยังเติมไม่เท่ากันเลยครับ....มันน่าจะมีสูตรนะผมว่า mon6
555+ แต่เห็นว่าในคู่มือรถก็มีแนะนำนะครับ ค่าพอๆกับที่ผมบอกนี่และ
-
1.วัดลมอย่างตอนเย็น
ถามกลับว่า สมมุติตอนยางเย็น คือ ตอนเช้าหรือช่วงระยะสั้นๆในการขี่
ถ้าสมมุติว่า เติมยางไปที่ 35-35 ตอนยางเย็น
เเล้วถ้าเราขี่ๆไป เกิดความร้อน เกิดการขยายตัวของอากาศภายใน
ค่าที่ได้หลังจากนี้จะได้ 35-35 เหรอครับ ????
คือ จะทำให้ยางแข็งเกินไปไหม
ไม่รู้นะครับเลย สังเกตุเฉยๆ
-
สำหรับผม เซลล์ให้เติม 32-34 คับ อยากรู้เหมือนกันว่ามาตรฐานจริงๆ มันเท่าไหร่ เติมไม่เท่ากันสักคัน
-
ลมยาง หน้า 32 หลัง 34 ให้เติมลมยาง ตอนที่ ยาง ไม่ร้อนครับ บวก ลบ ไม่เกิน 5% ครับ อันนี้ คือตามคู่มือ แต่ทั้งนี้ เราสามารถปรับ ค่าแรงลมยางได้ ตามสถานการณ์ เช่นออกทริปทางไกล อาจจะปรับ ลมยางให้อ่อนลง เพราะ ว่าหากวิ่งไกลๆ ยางจะร้อนนาน และ ค่าลมยางจะเพิ่มขึ้น และก็มีการวัดค่าลมยางอีกแบบ วิธีที่ผมใช้ ในชีวิตประจำวัน การเซ๊ทค่าลมยางให้เข้ากับนำ้หนักเรา โดยอ้างอิงของเดิม เป็นค่ามาตราฐาน ใช้หลักการวัดโดยดูระยะเบรคเป็นหลัก บางครั้งลมยางที่แข็งเกินไป อาจจะทำให้ระยะเบรคไกลขึ้น ก็ควรจะลด ลมยางลงนิดหน่อย แต่ไม่ควรตำ่กว่า 30 ในล้อหน้า และล้อหลังไม่ควรเกิน 32 เพราะหากมัน อ่อนเกินไป การควบคุม รถจะยากและแย่มาก
ส่วนเวลาลงสนาม ยางหลัง จะค่อนข้างปล่อยลมออกเยอะ อาจจะเหลือแค่ 30 ด้วยซำ้ เพราะ เรา ใช้ความเร็วสูง อืม คือใช้ งานยางหนักมาก ความร้อน ที่ลมยางจะขึ้นเร็ว
-
ความรู้เพียบเลยครับ mon57
-
ลมยาง หน้า 32 หลัง 34 ให้เติมลมยาง ตอนที่ ยาง ไม่ร้อนครับ บวก ลบ ไม่เกิน 5% ครับ อันนี้ คือตามคู่มือ แต่ทั้งนี้ เราสามารถปรับ ค่าแรงลมยางได้ ตามสถานการณ์ เช่นออกทริปทางไกล อาจจะปรับ ลมยางให้อ่อนลง เพราะ ว่าหากวิ่งไกลๆ ยางจะร้อนนาน และ ค่าลมยางจะเพิ่มขึ้น และก็มีการวัดค่าลมยางอีกแบบ วิธีที่ผมใช้ ในชีวิตประจำวัน การเซ๊ทค่าลมยางให้เข้ากับนำ้หนักเรา โดยอ้างอิงของเดิม เป็นค่ามาตราฐาน ใช้หลักการวัดโดยดูระยะเบรคเป็นหลัก บางครั้งลมยางที่แข็งเกินไป อาจจะทำให้ระยะเบรคไกลขึ้น ก็ควรจะลด ลมยางลงนิดหน่อย แต่ไม่ควรตำ่กว่า 30 ในล้อหน้า และล้อหลังไม่ควรเกิน 32 เพราะหากมัน อ่อนเกินไป การควบคุม รถจะยากและแย่มาก
ส่วนเวลาลงสนาม ยางหลัง จะค่อนข้างปล่อยลมออกเยอะ อาจจะเหลือแค่ 30 ด้วยซำ้ เพราะ เรา ใช้ความเร็วสูง อืม คือใช้ งานยางหนักมาก ความร้อน ที่ลมยางจะขึ้นเร็ว
mon14
ง่ะ งั้นผมคงจำผิดเลขนำหน้าเลข3เป็นเลข4
-
ลมยาง หน้า 32 หลัง 34 ให้เติมลมยาง ตอนที่ ยาง ไม่ร้อนครับ บวก ลบ ไม่เกิน 5% ครับ อันนี้ คือตามคู่มือ แต่ทั้งนี้ เราสามารถปรับ ค่าแรงลมยางได้ ตามสถานการณ์ เช่นออกทริปทางไกล อาจจะปรับ ลมยางให้อ่อนลง เพราะ ว่าหากวิ่งไกลๆ ยางจะร้อนนาน และ ค่าลมยางจะเพิ่มขึ้น และก็มีการวัดค่าลมยางอีกแบบ วิธีที่ผมใช้ ในชีวิตประจำวัน การเซ๊ทค่าลมยางให้เข้ากับนำ้หนักเรา โดยอ้างอิงของเดิม เป็นค่ามาตราฐาน ใช้หลักการวัดโดยดูระยะเบรคเป็นหลัก บางครั้งลมยางที่แข็งเกินไป อาจจะทำให้ระยะเบรคไกลขึ้น ก็ควรจะลด ลมยางลงนิดหน่อย แต่ไม่ควรตำ่กว่า 30 ในล้อหน้า และล้อหลังไม่ควรเกิน 32 เพราะหากมัน อ่อนเกินไป การควบคุม รถจะยากและแย่มาก
ส่วนเวลาลงสนาม ยางหลัง จะค่อนข้างปล่อยลมออกเยอะ อาจจะเหลือแค่ 30 ด้วยซำ้ เพราะ เรา ใช้ความเร็วสูง อืม คือใช้ งานยางหนักมาก ความร้อน ที่ลมยางจะขึ้นเร็ว
mon14
ง่ะ งั้นผมคงจำผิดเลขนำหน้าเลข3เป็นเลข4
รีบแก้เลยครับ อันตราย
-
ลมยาง หน้า 32 หลัง 34 ให้เติมลมยาง ตอนที่ ยาง ไม่ร้อนครับ บวก ลบ ไม่เกิน 5% ครับ อันนี้ คือตามคู่มือ แต่ทั้งนี้ เราสามารถปรับ ค่าแรงลมยางได้ ตามสถานการณ์ เช่นออกทริปทางไกล อาจจะปรับ ลมยางให้อ่อนลง เพราะ ว่าหากวิ่งไกลๆ ยางจะร้อนนาน และ ค่าลมยางจะเพิ่มขึ้น และก็มีการวัดค่าลมยางอีกแบบ วิธีที่ผมใช้ ในชีวิตประจำวัน การเซ๊ทค่าลมยางให้เข้ากับนำ้หนักเรา โดยอ้างอิงของเดิม เป็นค่ามาตราฐาน ใช้หลักการวัดโดยดูระยะเบรคเป็นหลัก บางครั้งลมยางที่แข็งเกินไป อาจจะทำให้ระยะเบรคไกลขึ้น ก็ควรจะลด ลมยางลงนิดหน่อย แต่ไม่ควรตำ่กว่า 30 ในล้อหน้า และล้อหลังไม่ควรเกิน 32 เพราะหากมัน อ่อนเกินไป การควบคุม รถจะยากและแย่มาก
ส่วนเวลาลงสนาม ยางหลัง จะค่อนข้างปล่อยลมออกเยอะ อาจจะเหลือแค่ 30 ด้วยซำ้ เพราะ เรา ใช้ความเร็วสูง อืม คือใช้ งานยางหนักมาก ความร้อน ที่ลมยางจะขึ้นเร็ว
mon14
ง่ะ งั้นผมคงจำผิดเลขนำหน้าเลข3เป็นเลข4
รีบแก้เลยครับ อันตราย
mon32 ขอบคุณครับ เด๋ญวรีบไปจัดการ
-
เมื่อวันพุธที่ไปรับรถมาศูนย์แนะนำว่ามาตรฐาน 30/32 หรือ 32/34 ประมาณนี้ครับ เพราะเวลาวิ่งจริงจะเกิดความร้อนแรงดันจะเพิ่มขึ้น แต่น้ำหนักตัวของแต่ละคนก็มีส่วนนะครับ
-
ทำไมไม่ยึดตามคู่มือติดรถละครับ ที่ให้เติมหน้า 32.7 หลัง 36.9 ถ้าขี่บนทางขรุขระก็ให้เพิ่มลมยางไปอีก +3
ส่วนเรื่องการเติมลมยางตามน้ำหนักคนขี่ในคู่มือไม่มีพูดถึงครับ
ควรเติมตอนยางเย็นๆ ครับ วิ่งไปอย่างมากไม่เกิน 1 km
-
ผมเคยเช่า er6 ลมที่เติมมาจากร้านเช่าหน้า/หลังประมาณ 30/32 พอวิ่งเร็ว ๆ แล้วไม่ค่อยมั่นคง ออกจะปลิ้น ๆ ส่าย ๆ น้องในกลุ่มเลยให้เติม 34/36 นิ่งขึ้นเยอะ ผมคงยึดเอาที่ 34/36 ไว้ก่อนละครับ แล้วมาดูที่อาการรถอีกที (ถ้าได้รถแล้ว ตอนนี้ยัง mon29)
-
ลมยาง หน้า 32 หลัง 34 ให้เติมลมยาง ตอนที่ ยาง ไม่ร้อนครับ บวก ลบ ไม่เกิน 5% ครับ อันนี้ คือตามคู่มือ แต่ทั้งนี้ เราสามารถปรับ ค่าแรงลมยางได้ ตามสถานการณ์ เช่นออกทริปทางไกล อาจจะปรับ ลมยางให้อ่อนลง เพราะ ว่าหากวิ่งไกลๆ ยางจะร้อนนาน และ ค่าลมยางจะเพิ่มขึ้น และก็มีการวัดค่าลมยางอีกแบบ วิธีที่ผมใช้ ในชีวิตประจำวัน การเซ๊ทค่าลมยางให้เข้ากับนำ้หนักเรา โดยอ้างอิงของเดิม เป็นค่ามาตราฐาน ใช้หลักการวัดโดยดูระยะเบรคเป็นหลัก บางครั้งลมยางที่แข็งเกินไป อาจจะทำให้ระยะเบรคไกลขึ้น ก็ควรจะลด ลมยางลงนิดหน่อย แต่ไม่ควรตำ่กว่า 30 ในล้อหน้า และล้อหลังไม่ควรเกิน 32 เพราะหากมัน อ่อนเกินไป การควบคุม รถจะยากและแย่มาก
ส่วนเวลาลงสนาม ยางหลัง จะค่อนข้างปล่อยลมออกเยอะ อาจจะเหลือแค่ 30 ด้วยซำ้ เพราะ เรา ใช้ความเร็วสูง อืม คือใช้ งานยางหนักมาก ความร้อน ที่ลมยางจะขึ้นเร็ว
mon57 ถูกต้องและเห็นด้วยครับ
-
ความรู้เพียบครับ หมดข้อสงสัยเรื่องลมยางเลย mon57
ผมยึดที่ 34/36 ครับ กลางๆ เผื่อจอดด้วย เพราะไม่ได้ขี่ในชีวิตประจำวันเลยครับ เช็คลม สัปดาห์ละครั้ง mon2
-
ผมแนะนำ ที่ 35 ครับ พี่
แล้วก้ไปเติมลม ไนโตรเจน ก้ดีนะครับ
ยางเย็น สบายใจความร้อนไม่ขึ้นด้วย
สมัยขับ ksr ผมก้เติมครับ 6 เดือน เช็คลมทีเดียว
-
ขอต่ออีกสักหน่อยนะครับ......ว่าระหว่าง ลมธรรมดา กับ ลมไนโตรเจน ควรเติมแบบไหนดีกว่ากัน??? เพราะเดิมทีรถยนต์ผมเติมไนโตรเจนแต่ทำไมที่ศูนย์ถึงแนะนำให้เติมลมธรรมดาดีกว่า.....??!!??
-
โดยส่วนตัวผมชอบ ลมไนโตรเจนครับ
1. ยืดอายุ การใช้งานของยางได้นานขึ้น เพราะการขยายตัวของ ยางมีน้อยมาก ทำให้ลดการระเบิดของยางได้
2. มวลหนาแน่นกว่าอากาศ ลมซึมออกช้ามากมายครับ แถมยางยังเย็น
3. ราคาแพงไปหน่อยนึง แต่คิดว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับพี่ๆ ครับ ล้อละ 50-100 บาท
ขอบคุณครับ
-
เรื่องลมธรรมดา กับลมไนโตรเจน
แนะนำใช้ลมธรรมดาดีกว่าครับ
เนื่องจาก เรามีแค่ 2 ล้อ ไม่ได้
มี4 ล้อเหมือนรถยนต์ ดังนั้นเราต้องอาศัยเนื้อยางในการยึดเกาะถนน
มากกว่ายางรถยนต์ครับ ยางมอไซค์ของพวกเรา ยิ่งร้อนยิ่งเกาะครับ
ไม่งั้นพวกรถแข่งเค้าจะวอร์มยาง เบินร์ยางกันทำไม ให้เปลืองล่ะครับ
หากว่าลมไนโตรเจนทำให้อุณหภูมิของยาง ไม่ร้อนงั้นก็แสดงว่ายางของเรา
ที่ซื้อมาราคาแสนแพง ก็ไม่ได้ใช้เต็มประสิทธิภาพน่ะซิครับ ที่เรายอมจ่ายเงิน
ในราคาสูงๆ เพื่อแลกกับยางยี่ห้อดังที่นักแข่งทั่วโลก เค้าใช้กัน เพื่อประสิทธิภาพ
และประสิทธิผล ของยางดังนั้นเราอย่าไปปิดกั้น คุณภาพของยางด้วยความเข้าใจผิดๆ
อีกต่อไปเลยครับ
หากย้อนกลับมาถามผมว่า แล้วทำไมรถยนต์ ถึงเลือกเติมไนโตรเจน จึงดีกว่า
คำตอบก็ง่ายพอๆกับคำถามนั่นแหละครับ เนื่องจากรถยนต์มี 4 ล้อ ครับ
แต่ละล้อมีหน้าสัมผัสกับถนนมากกว่ามอไซค์เยอะครับ ลองสังเกตุดูหน้่ายาง
มอไซค์ของเรา จะนูนตรงกลาง ทำห้หน้าสัมผัสน้อย แต่ของรถยต์ จะตัดตรง
จึงมีหน้าสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่า แรงเสียดทานเยอะกว่า ความร้อนสะสมจึง
เยอะตาม อีกอย่างนะครับเรื่องของน้ำหนักของรถก็มีส่วนครับ ที่จะเพิ่มแรงกด
ให้กับหน้ายาง การระบายความร้อน หรือการสัมผัสกับอากาศระหว่างยางเปลือย
กับยางที่อยู่ในซุ้มล้อ นี่คือเหตุผลคร่าวๆ ครับ
ผิดถูกอย่างไร วิจารณ์ด้วยนะครับ
-
ลมยาง หน้า 32 หลัง 34 ให้เติมลมยาง ตอนที่ ยาง ไม่ร้อนครับ บวก ลบ ไม่เกิน 5% ครับ อันนี้ คือตามคู่มือ แต่ทั้งนี้ เราสามารถปรับ ค่าแรงลมยางได้ ตามสถานการณ์ เช่นออกทริปทางไกล อาจจะปรับ ลมยางให้อ่อนลง เพราะ ว่าหากวิ่งไกลๆ ยางจะร้อนนาน และ ค่าลมยางจะเพิ่มขึ้น และก็มีการวัดค่าลมยางอีกแบบ วิธีที่ผมใช้ ในชีวิตประจำวัน การเซ๊ทค่าลมยางให้เข้ากับนำ้หนักเรา โดยอ้างอิงของเดิม เป็นค่ามาตราฐาน ใช้หลักการวัดโดยดูระยะเบรคเป็นหลัก บางครั้งลมยางที่แข็งเกินไป อาจจะทำให้ระยะเบรคไกลขึ้น ก็ควรจะลด ลมยางลงนิดหน่อย แต่ไม่ควรตำ่กว่า 30 ในล้อหน้า และล้อหลังไม่ควรเกิน 32 เพราะหากมัน อ่อนเกินไป การควบคุม รถจะยากและแย่มาก
ส่วนเวลาลงสนาม ยางหลัง จะค่อนข้างปล่อยลมออกเยอะ อาจจะเหลือแค่ 30 ด้วยซำ้ เพราะ เรา ใช้ความเร็วสูง อืม คือใช้ งานยางหนักมาก ความร้อน ที่ลมยางจะขึ้นเร็ว
เห็นด้วยครับ 32/34 ตามคู่มือครับส่วนเรื่องที่จะปรับบวกลบ 5% คงแล้วแต่ความรู้สึกนะครับเพราะแต่ละท่านไม่เหมือนกันแต่ผมมองว่าลมมากน้อยนั้นจะเกี่ยวกับความรู้สึกนิ่มนวลหรือกระด้างระหว่างการขับขี่มากที่สุดครับ
ส่วนเรื่องลมไนโตรเจนเมื่อเติมแล้วก็ต้องเติมตลอดนะครับถ้าเติมลมธรรมดาเข้าไปเพิ่มลมที่อยู่ข้างในก็เป็นลมธรรมดาแล้วครับเท่าที่เคยได้ยินจากร้านนะครับ
-
mon57
-
เรื่องลมธรรมดา กับลมไนโตรเจน
แนะนำใช้ลมธรรมดาดีกว่าครับ
เนื่องจาก เรามีแค่ 2 ล้อ ไม่ได้
มี4 ล้อเหมือนรถยนต์ ดังนั้นเราต้องอาศัยเนื้อยางในการยึดเกาะถนน
มากกว่ายางรถยนต์ครับ ยางมอไซค์ของพวกเรา ยิ่งร้อนยิ่งเกาะครับ
ไม่งั้นพวกรถแข่งเค้าจะวอร์มยาง เบินร์ยางกันทำไม ให้เปลืองล่ะครับ
หากว่าลมไนโตรเจนทำให้อุณหภูมิของยาง ไม่ร้อนงั้นก็แสดงว่ายางของเรา
ที่ซื้อมาราคาแสนแพง ก็ไม่ได้ใช้เต็มประสิทธิภาพน่ะซิครับ ที่เรายอมจ่ายเงิน
ในราคาสูงๆ เพื่อแลกกับยางยี่ห้อดังที่นักแข่งทั่วโลก เค้าใช้กัน เพื่อประสิทธิภาพ
และประสิทธิผล ของยางดังนั้นเราอย่าไปปิดกั้น คุณภาพของยางด้วยความเข้าใจผิดๆ
อีกต่อไปเลยครับ
หากย้อนกลับมาถามผมว่า แล้วทำไมรถยนต์ ถึงเลือกเติมไนโตรเจน จึงดีกว่า
คำตอบก็ง่ายพอๆกับคำถามนั่นแหละครับ เนื่องจากรถยนต์มี 4 ล้อ ครับ
แต่ละล้อมีหน้าสัมผัสกับถนนมากกว่ามอไซค์เยอะครับ ลองสังเกตุดูหน้่ายาง
มอไซค์ของเรา จะนูนตรงกลาง ทำห้หน้าสัมผัสน้อย แต่ของรถยต์ จะตัดตรง
จึงมีหน้าสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่า แรงเสียดทานเยอะกว่า ความร้อนสะสมจึง
เยอะตาม อีกอย่างนะครับเรื่องของน้ำหนักของรถก็มีส่วนครับ ที่จะเพิ่มแรงกด
ให้กับหน้ายาง การระบายความร้อน หรือการสัมผัสกับอากาศระหว่างยางเปลือย
กับยางที่อยู่ในซุ้มล้อ นี่คือเหตุผลคร่าวๆ ครับ
ผิดถูกอย่างไร วิจารณ์ด้วยนะครับ
ลมไนโตรเจน ไม่ได้ทำหน้าที่ให้ ยางไม่ร้อนนะครับ
ก่อนอื่นต้องแยก สองประเด็นนะครับ อย่าเอามารวมกัน เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันใหญ่
เรื่องแรก ลมไนโตรเจน เป็นลมที่มีการ "ขยายหรือหดตัว" น้อยมากเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
ทำให้ ลมยางที่เติมไนโตรเจน ค่อนข้างจะคงที่แม้จะวิ่งมาเป็นระยะเวลานานก็ตาม
ซึ่งแปลว่า หน้าสัมผัสยางกับถนนจะ "เท่าเดิม" ตลอดเวลา
เรื่องที่สอง ความร้อนของยาง ยางมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ จะยิ่งร้อน ยิ่งเกาะ เรื่องนี้ถูกต้องแล้วครับ
คำว่ายางร้อน คือหมายถึง ส่วนของเนื้อยางเอง ที่ยิ่งร้อนจะยิ่งนิ่ม ยิ่งนิ่มจะยิ่งเกาะ
ทีนี้ พอยางร้อน ถ้าเป็นลมธรรมดา อากาศที่อยู่ด้านในยางจะโดนความร้อนของยางทำให้อากาศขยายตัว ยางจึง "แข็งขึ้น"
พอยางแข็งขึ้น ก็แปลว่า "พื้นที่สัมผัสระหว่างถนนกับยางจะลดลง"
ในทางกลับกัน ถ้าเป็นลมไนโตรเจน ความร้อนของยางจะไม่มีผลกับมวลอากาศภายในยาง เพราะว่า ลมไนโตรเจน ขยายตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับลมธรรมดา
พื้นที่หน้าสัมผัสยางก็จะ "เท่าเดิม" แบบที่บอกไปตอนแรกนะครับ
-
เรื่องลมธรรมดา กับลมไนโตรเจน
แนะนำใช้ลมธรรมดาดีกว่าครับ
เนื่องจาก เรามีแค่ 2 ล้อ ไม่ได้
มี4 ล้อเหมือนรถยนต์ ดังนั้นเราต้องอาศัยเนื้อยางในการยึดเกาะถนน
มากกว่ายางรถยนต์ครับ ยางมอไซค์ของพวกเรา ยิ่งร้อนยิ่งเกาะครับ
ไม่งั้นพวกรถแข่งเค้าจะวอร์มยาง เบินร์ยางกันทำไม ให้เปลืองล่ะครับ
หากว่าลมไนโตรเจนทำให้อุณหภูมิของยาง ไม่ร้อนงั้นก็แสดงว่ายางของเรา
ที่ซื้อมาราคาแสนแพง ก็ไม่ได้ใช้เต็มประสิทธิภาพน่ะซิครับ ที่เรายอมจ่ายเงิน
ในราคาสูงๆ เพื่อแลกกับยางยี่ห้อดังที่นักแข่งทั่วโลก เค้าใช้กัน เพื่อประสิทธิภาพ
และประสิทธิผล ของยางดังนั้นเราอย่าไปปิดกั้น คุณภาพของยางด้วยความเข้าใจผิดๆ
อีกต่อไปเลยครับ
หากย้อนกลับมาถามผมว่า แล้วทำไมรถยนต์ ถึงเลือกเติมไนโตรเจน จึงดีกว่า
คำตอบก็ง่ายพอๆกับคำถามนั่นแหละครับ เนื่องจากรถยนต์มี 4 ล้อ ครับ
แต่ละล้อมีหน้าสัมผัสกับถนนมากกว่ามอไซค์เยอะครับ ลองสังเกตุดูหน้่ายาง
มอไซค์ของเรา จะนูนตรงกลาง ทำห้หน้าสัมผัสน้อย แต่ของรถยต์ จะตัดตรง
จึงมีหน้าสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่า แรงเสียดทานเยอะกว่า ความร้อนสะสมจึง
เยอะตาม อีกอย่างนะครับเรื่องของน้ำหนักของรถก็มีส่วนครับ ที่จะเพิ่มแรงกด
ให้กับหน้ายาง การระบายความร้อน หรือการสัมผัสกับอากาศระหว่างยางเปลือย
กับยางที่อยู่ในซุ้มล้อ นี่คือเหตุผลคร่าวๆ ครับ
ผิดถูกอย่างไร วิจารณ์ด้วยนะครับ
ลมไนโตรเจน ไม่ได้ทำหน้าที่ให้ ยางไม่ร้อนนะครับ
ก่อนอื่นต้องแยก สองประเด็นนะครับ อย่าเอามารวมกัน เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันใหญ่
เรื่องแรก ลมไนโตรเจน เป็นลมที่มีการ "ขยายหรือหดตัว" น้อยมากเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
ทำให้ ลมยางที่เติมไนโตรเจน ค่อนข้างจะคงที่แม้จะวิ่งมาเป็นระยะเวลานานก็ตาม
ซึ่งแปลว่า หน้าสัมผัสยางกับถนนจะ "เท่าเดิม" ตลอดเวลา
เรื่องที่สอง ความร้อนของยาง ยางมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ จะยิ่งร้อน ยิ่งเกาะ เรื่องนี้ถูกต้องแล้วครับ
คำว่ายางร้อน คือหมายถึง ส่วนของเนื้อยางเอง ที่ยิ่งร้อนจะยิ่งนิ่ม ยิ่งนิ่มจะยิ่งเกาะ
ทีนี้ พอยางร้อน ถ้าเป็นลมธรรมดา อากาศที่อยู่ด้านในยางจะโดนความร้อนของยางทำให้อากาศขยายตัว ยางจึง "แข็งขึ้น"
พอยางแข็งขึ้น ก็แปลว่า "พื้นที่สัมผัสระหว่างถนนกับยางจะลดลง"
ในทางกลับกัน ถ้าเป็นลมไนโตรเจน ความร้อนของยางจะไม่มีผลกับมวลอากาศภายในยาง เพราะว่า ลมไนโตรเจน ขยายตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับลมธรรมดา
พื้นที่หน้าสัมผัสยางก็จะ "เท่าเดิม" แบบที่บอกไปตอนแรกนะครับ
ผมก็คิดอย่างเหมือนคุณ dook ครับ mon57
-
เติมไนโตรเจน ขับดีขึ้นแบบรู้สึกได้นะ ในความรู้สึกผม mon57
-
ผม 34-36 ครับ mon16
-
เติมลมไนโตรเจนได้หรือเปล่าครับ?
-
ผมเติม หน้า 32 หลัง 34 ครับ
รองเติมดูครับเริ่มจาก หน้า30 หลัง 32 และ หน้า 32 หลัง 34 และถ้ากระด้างหน่อย หน้า 34 หลัง 36 ไม่น่าจะต่ำกว่า 30 และไม่น่าจะเกิน36 รองดูครับว่าชอบแบบไหน
-
เออ..คุณแน็คครับ
ผมได้ยินมาจากที่ไหนซักที่นะครับ(จำไม่ได้) ว่ารถเราต้องใช้หน้ายางจึงจะยึดกับถนน...เพราะฉะนั้นหากใช้ไนโตรเจนจะทำให้ร้อนช้า+ไม่เกาะถนน..อันนี้ไม่รู้จริงหรือ
เปล่านะครับ เพราะได้ยินมาเหมือนกันนะครับ (รบกวนผู้รู้มาตอบทีนะครับ) mon5 mon5 mon5
-
ขออนุญาตแชร์นะคับ ข้อดีของลมไนโตรเจนก็คือ ที่อุณหภูมิเท่ากัน ไนโตรเจน(N2)จะมีการขยายตัวต่ำกว่าลมปกติที่มีออกซิเจน(O2)ผสมอยู่ด้วย ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงในการระเบิดน้อยกว่า และเนื่องจากขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ลมจึงซึมออกมาช้าเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการเช็คลมยางทุกอาทิตย์ก็ยังมีความสำคัญอยู่เหมือนเดิม เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ดูว่าล้อมีร่องรอยฉีกขาดอะไรรึป่าว แต่ถ้าถามว่าจำเป็นที่จะต้องเติมลมN2มั้ย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจของแต่ละท่านคับ แต่อากาศปกติที่เราหายในกันทุกวันนี้ก็มีN2เป็นสัดส่วนถึงกว่า70%อยู่แล้วคับ mon33 สำหรับการออกทริป จริงๆแล้วควรเติมลมมากขึ้น1-2ปอนด์ เนื่องจากที่แรงดันลมที่ต่ำกว่าปกติจะทำให้ยางมีโอกาสระเบิดได้มากกว่าคับ เพราะว่าความร้อนที่เกิดขึ้นจากการที่แก้มยางบิดไปมานั่นเอง แต่ถ้าเติมลมมากไปก็จะทำให้หน้ายางสัมผัสถนนน้อยลง ไม่เกาะ กระเทือน และมีโอกาสระเบิดได้เช่นกัน เรื่องลมยางเรยเป็นเรื่องเล็กๆที่ไม่ควรมองข้ามคับ ล่าสุดอยู่ดีๆก็มีเรื่องให้เสียตังค์ เพราะลืมเช็คลมยางรถยนต์นี่ล่ะคับ mon19
-
Front 2.29 kg/cm2, 2.25bar
rear 2.55 kg/cm2, 2.50bar
mon61
-
โอย ผมซัดหน้า 36 หลัง 39 หนักกว่าใคร แต่รู้สึกว่าเข้าโค้งมั่นดีครับ
-
อันนี้ร้านโชว์พาวแนะนำมาว่าให้เติมลมปกติครับ เนื่องจากยางมอไซค์ยิ่งร้อนยิ่งเกาะถนน ดังนั้นถ้าเราเติมไนโตรเจน ยางจะไม่ร้อน(หรือร้อนน้อย) จึงไม่เหมาะสมกับมอไซค์ครับ
-
ทำไมไม่ยึดตามคู่มือติดรถละครับ ที่ให้เติมหน้า 32.7 หลัง 36.9 ถ้าขี่บนทางขรุขระก็ให้เพิ่มลมยางไปอีก +3
ส่วนเรื่องการเติมลมยางตามน้ำหนักคนขี่ในคู่มือไม่มีพูดถึงครับ
ควรเติมตอนยางเย็นๆ ครับ วิ่งไปอย่างมากไม่เกิน 1 km
เห็นด้วยครับ คู่มือบอกตามนั้นเลย