จากบทความข้างต้น
http://www.myspace.com/brit2morrow/blog/441523494หนึ่งปีผ่านไปค่อนข้างยากพอสมควรในการที่จะมองไปในกระจก และเห็นรอยแผลเป็นที่มีอายุได้ 1 ปี
ฉันไม่เคยได้คิดเลยว่าจะมีสภาพแบบนี้ และรู้สึกถึงความเจ็บปวดไปอีกตลอดชีวิต
ยังคงคิดว่าวันนึงจะได้ตื่นจากฝันร้ายนี่ และกลับมาเหมือนปกติอีกครั้งด้วยผิวหนังของตัวเองอีกสักครั้งนึง
อุบัติเหตุวันนั้นเป็นเช้าวันอาทิตย์ที่อากาศดีมากวันนึง ถึงแม้ว่าจะสายตาสั้นและไม่ได้ใส่แว่นในวันนั้น
กำลังซ้อนท้ายเพื่อน บน GSXR 750 และตื่นเต้นที่ได้อยู่บนมัน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่คนซ้อนก็ตาม
วันนั้นฉันใส่เพียงยีนส์ รองเท้าเทนนิส และเสว็ตเตอร์ สวมทับบนบีกีนี่ โดยไม่ได้คิดเลยว่า
"ไม่มีอะไรที่ป้องกันจากพื้นผิวยางมะตอยบนถนนเลยแม้แต่น้อย" และคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากผ่านไประยะนึง ก็เริ่มรู้สึกว่าต้องเริ่มออกแรงต้านกับแรงลมที่มากขึ้น โดยพยายามไม่
รั้งตัวคนขี่มากเกินไป และวางแขนไว้บนถังน้ำมัน และกดตัวลงให้ใกล้คนขี่ให้มากที่สุด โดยไม่
ไปโอบตัวไว้มากเกินไป หลังจากนั้นก้เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะกลัว แต่ก็ยัง"มั่นใจ"
ว่ายังคงต้านกับแรงลมได้ ถึงแม้ว่าจะเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ขึ้นมา
ตัวเริ่มไถลบนเบาะหลัง และรู้้สึกได้ถึงลมที่เข้ามาระหว่างหลังของเพื่อน และช่วงหน้าอกของฉัน
หลังจากนั้นรู้สึกได้ถึงแรงลมที่รุนแรงเหมือนก้อนอิฐซัดเข้ามาที่หน้า และแยกตัวของฉันออกมา
ชิลด์หมวกเปิดออกจนหมด และแรงลมกระชากให้หน้าหงายขึ้น และกระชากทั้งตัวออกไปจากที่นั่ง
ตอนนั้นจำได้ว่าถ้าคว้าเสื้อของเพื่อนไว้ อาจจะดึงให้ตกลงมาด้วยกัน แต่มันก็ช้าเกินไปที่แม้แต่
จะเอื้อมไปให้ถึงตัวแล้ว หลังจากลอยอยู่ในอากาสเพียงเสี้ยววินาที โดยไม่รู้ถึงความเร็วที่กำลังเคลื่อนที่
และกำลังจะถึงพื้น ไม่ได้คิดว่าจะบาดเจ็บขนาดไหน คิดเพียงแค่ว่าชีวิตมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
หลังจากที่นึกถึงการตกจากม้าหลายๆรอบ โดยไม่บาดเจ็บอะไร ก็ปล่อยให้ตัวเองลงพื้นไป
เพราะรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะทำได้อีกแล้ว
หลังจากลงถึงพื้น รู้สึกได้เหมือนลมหายใจทั้งหมดที่มีถูกกระชากออกไปจากร่างกายในทันที
รู้สึกได้ถึงทุกๆ ตารางนิ้ว บนร่างกายที่ลากไปบนถนน กลิ้ง สไลด์ ไปบนพื้นผิวที่ไม่มีความปราณี
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็มาถึงบทสรุปของตัวเองว่า คงกำลังจะตาย แต่ก็ไม่เป็นไร รู้ดีว่าที่เพิ่งผ่านมา
มันหนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมา และคงไม่มีโอกาสได้มีชีวิตต่อสำหรับวันพรุ่งนี้
สติยังคงอยู่ แต่จำได้ว่าตอนนั้น หวังว่ามันน่าจะไม่มีสติอยู่
... หลังจากนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่เมื่อเริ่มจะขยับตัวก็รู้สึกได้ว่า รองเท้าหายไป
และหัวแม่โป้งเท้าถูกลากไปกับพื้นถนนที่ร้อนระอุ ขยับขาขวาไม่ได้ คงจะหักหล่ะมั้ง
และหัวเข่าที่ไม่มีกางเกงอยู่ โดยนึกว่ามันคงเป็นเศษของวัสดุที่ติดบนเข่า เพื่อจะรู้ว่า
ในภายหลังว่า มันคือ กระดูกหัวเข่าที่โผล่ออกมา แขนขวาติดอยู่กับตัวด้านหลัง และขยับไม่ได้
หน้าอกด้านซ้ายรู้สึกแสบร้อนอย่างมาก และมีเลือดทะลักออกมาจำนวนมาก จนได้กลิ่นคาวเลือดไปหมด
เมื่อรถพยาบาลมา ก็มีการขอเฮลิคอปเตอร์่ช่วยเหลือ ไปส่งยังโรงพยาบาล
หลังจากได้มอร์ฟีนเข้าไป สติก็เริ่มเรือนราง และจำอะไรมากไม่ได้ และหายไป 6 ชม.ของการผ่าตัด