วันนี้จะขอมา Review เบาะ Comfort Seat หรือบางที่ก็เรียก Comfort Touring Seat ครับ
ที่มาของการจัดเจ้าเบาะนี้เกิดจากการที่เวลาขี่ออกทริปซึ่งต้องนั่งอยู่บนเบาะนานๆเกิน 1 ชม. ขึ้นไป(บางทีขี้เกียจแวะบ่อยๆ)
ทำให้รู้สึกเมื่อยก้นอย่างรุนแรง จึงลองหาข้อมูลในเน็ตพบว่าหลายๆที่แนะนำเจ้าเบาะตัวนี้ โดยเฉพาะตามเว็ปบอร์ดต่างประเทศ
จะพูดถึงเบาะไว้ดีมากประมาณว่าเป็นอุปกรณ์ที่คุ้มค่าแก่การเปลี่ยนเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีคอมเมนต์ใหนบอกว่าเปลี่ยนแล้วไม่ดีเลย
จึงตัดสินใจลองหามาใช้ดูบ้าง
ความคาดหวังจากที่ได้หาข้อมูลมาจากแหล่งต่างๆซึ่งทุกที่ให้ข้อมูลในเชิงบวกหมด ทำให้เกิดความคาดหวังค่อนข้างสูงดังนี้
- คงเป็นเบาะที่ให้สัมผัสนุ่ม สบาย กว่าเบาะเดิม
- คงเป็นเบาะที่ช่วยปรับท่านั่งให้สบายขึ้น
- วัสดุที่ใช้น่าจะดีกว่าเบาะเดิมเยอะ (อันนี้ประเมินจากราคาค่าตัว และ ภาพถ่าย)
- หน้าตาเวลาใส่แล้ว น่าจะทำให้รถดูดีมีระดับขึ้นกว่าเบาะเดิม (ซึ่งเบาะเดิมดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่)
สัมผัสแรกหลังจากที่ได้เบาะมาก็รีบใส่แล้วทดลองนั่งดู .... อืมม ... รู้สึกอึ้งๆเล็กน้อย โดยความรู้สึกแรกจะประมาณนี้
- เบาะตัวนี้ไม่ได้นิ่มไปกว่าเบาะเดิมเลย ออกจะแข็งขึ้นด้วยซ้ำ(เนื่องจากใช้เนื้อวัสดุตัวเดียวกัน แต่หนาขึ้น)
- ตัวเบาะมีความหนากว่าเบาะเดิมเล็กน้อย ประมาณ 1” ทำให้เวลาจอดรถจะยืนเต็มเท้าแล้วขาตึงพอดี
(เบาะเดิมเข่าจะงอเล็กน้อย (ผมสูง 173 ซม.)) และจะรู้สึกกว้างกว่าเบาะเดิมด้วย
- ท่านั่งจะเปลี่ยนไป เนื่องจากตัวเบาะจะแบนๆแล้วลาดลง คล้ายเบาะรถสปอร์ท ซึ่งต่างจาะเบาะเดิมที่จะโค้งเป็นแอ่ง
- วัสดุหุ้มเบาะที่ใช้ดูดีกว่าเบาะเดิมเยอะ มีการเดินด้ายเส้นคู่สีแดง ตัดขอบ และวัสดุด้านข้างเป็นแบบผิวไม่เรียบ
พร้อมตรา Ducati Performance ไว้บริเวณด้านข้าง ท้ายเบาะ ซึ่งดูดีมากๆ
สรุปสัมผัสแรก ผิดหวังเล็กๆเนื่องจากเบาะไม่ได้นิ่มกว่าเบาะเดิมตามที่คาดหวังไว้ ออกจะแข็งกว่าเบาะเดิมด้วยซ้ำ แถมถ้านั่งท่าเดิม
ก็จะยิ่งทำให้เมื่อยกว่าเบาะเดิมด้วย จึงต้องปรับท่านั่งใหม่ ไม่ชินเอามากๆ แต่ก็ยังคิดว่าระดับ Ducati Performance คงไม่ออกแบบ
มามั่วๆให้ของแต่งแย่กว่าของเดิมหรอกก คงต้องลองเอาไปใช้งานแบบจริงจังดูอีกทีนะ ... ความคิดที่จะขายทิ้ง เริ่มแว๊ปขึ้นมาในหัว
ลองใช้งานจริงจัง หลังจากผิดหวังเล็กน้อยจากสัมผัสแรกแล้ว ก็เลยลองเอาไปใช้งานอย่างจริงจัง ทั้งขี่ในเมือง สภาพรถติด ขี่ไปต่างจังหวัดไกลๆ
(กทม – ประจวบฯ แบบไปเช้า กลับเย็น ระยะทางรวมกว่า 700 กม.) ขี่ไปต่างจังหวัดใกล้ๆ (กทม – โคราช แบบไปเช้า กลับเย็น
ระยะทางรวมประมาณ 500 กม. ขี่ไปทำงานทุกวันโดยลองสลับกันระหว่างเบาะเดิมกับเบาะตัวนี้ ได้ความรู้สึกดังนี้ครับ
เบาะเดิมจะมีลักษณะโค้ง เป็นแอ่งบริเวณส่วนที่ใกล้กับถังน้ำมัน ทำให้เวลานั่งแล้วจะรู้สึกมั่นคงเหมือนโดนล็อคติดกับตัวรถแต่ข้อเสียคือ
เวลานั่งนานๆแล้วจะรู้สึกอึดอัด เพราะจะทำให้น้องชายไปเบียดอัดกับถังน้ำมัน ยิ่งถ้าใครมีน้องชายตัวโต แข็งแรงด้วยแล้ว จะยิ่งเป็นอันตรายมาก
... ถังน้ำมันอาจทะลุได้ ... หุ หุ หุ
ส่วนเบาะตัวนี้รูปร่างจะแตกต่างจากเบาะเดิมมาก โดยจะหนาและกว้างกว่าเบาะเดิมเล็กน้อย ทำให้เวลานั่งแล้วจรู้สึกว่านั่งได้เต็มก้นมากขึ้น
และรูปร่างของเบาะตัวนี้จะไม่ได้เป็นแอ่งเหมือนเบาะเดิม แต่จะมีลักษณะลาดเอียงจากด้านท้ายลงมาหาถังน้ำมัน ทำให้ขยับตัวได้ง่ายขึ้น มีพื้นที่ให้
น้องชายอยู่ได้อย่างสบายไม่ไปเบียดอัดกับถังน้ำมันให้หวาดเสียวเหมือนเบาะเดิม
จากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเบาะเติม ทำให้ท่านั่งต้องเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งตอนที่ได้เบาะมาใหม่ๆผมยังปรับตัวไม่ได้ ทำให้ยิ่งเมื่อยกว่าเบาะเดิมอีก
เนื่องจากเบาะจะลาดเอียงมาข้างหน้า ทำให้ตัวจะใหลเข้าหาถังน้ำมันเวลาเบรค หรือ ลดความเร็วจึงต้องใช้เข่าหนีบถังให้แน่นขึ้น และน้ำหนัก
จะกดมาที่แขนมากขึ้นเพื่อยันไม่ให้ตัวไหล ผลปรกฏว่าจากการขี่ไปประจวบฯ ด้วยระยะทางกว่า 700 กม. กลับมาระบมไปทั้งตัว เนื่องจากเจอรถติด
ช่วงเย็นวันอาทิตย์ตั้งแต่สมุทรสงคราม กว่าจะเริ่มปรับท่านั่งให้เข้ากับเบาะใหม่ได้ ก็เกือบถึง กทม แล้วท่านั่งที่เหมาะสมสำหรับเบาะนี้คือต้องก้ม
ตัวลงเล็กน้อย คล้ายๆท่านั่งรถสปอร์ท แต่ก้มไม่มากเท่า แล้วงอแขนให้เป็นอิสระ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักไมถ่ายลงไปที่แขน แต่เข่ายังคงต้องหนีมถัง
ไว้เหมือนเดิม ซึ่งถ้าหาจุดสมดุลของท่านั่งได้แล้วจะรู้สึกว่านั่งสบายกว่าเบาะเดิม และจากการที่เบาะสูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้หัวเข่า และข้อเท้างอน้อยลง
กว่าเวลานั่งเบาะเดิม ทำให้ขี่สบายขึ้นโดยเฉพาะถ้าใส่รองเท้าขี่มอเตอร์ไซค์
มุมที่ลาดเอียงของเบาะตัวนี้ จะมีประโยชน์และเห็นผลได้ชัดเจนเมื่อขี่ที่ความเร็วสูง ประมาณ 130 กม/ชม. ขึ้นไป ... ยังไงหรอ ... คือ
ถ้าเป็นเบาะเดิม ขี่ความเร็วสูงๆ แล้วจะรู้สึกว่ามีแรงลมมาปะทะหน้าอกเหมือนตัวจะปลิวหลุดออกจากรถ ทำให้ต้องเกร็งแขน รั้งตัวเอาไว้
ทำให้ขี่ความเร็วสูงระยะทางไกลๆ แล้วจะรู้สึกเหนื่อย แต่มุมที่ลาดเอียงของเบาะตัวนี้จะรับพอดีกับแรงลมที่ดันตัวไปด้านหลัง ทำให้เวลาขี่ความเร็วสูง
แล้วจะตัวกดติดกับเบาะได้ดีขึ้น แทบไม่ต้องออกแรงรั้งตัวไว้เลย รู้สึกสบายมาก แต่ที่ความเร็วเกิน 180 กม./ชม. ก็ยังรู้สึกเหมือนตัวจะปลิวอยู่นะ
แต่มุมที่ลาดเอียงนี้ก็มีข้อเสียคือ ทำให้เวลาขี่ช้าๆ หรือ เบรค ตัวจะไหลไปหาถังน้ำมัน ต้องหนีบเข่าช่วย แต่เวลาขี่ออกทริปผมจะใส่สนับเข่าด้วย
(แบบใส่ไว้ข้างในกางเกง) ทำให้หนีบถังได้ไม่ค่อยถนัด มันจะลืนๆไม่แน่นแนนเหมือนเวลาไม่ใส่สนับเข่า และมุมที่เอียงนี้ก็ทำให้ต้องก้มตัวมากกว่าเบาะเดิม
อาจทำให้เมื่อยหลังขึ้น คล้ายๆเวลาขี่รถสปอร์ท
สรุป ...พิมพ์มาซะยืดยาว แถมวกไปวนมาอีก (ผมเรียบเรียงไม่ค่อยเก่ง) ขอสรุปดังนี้ละกัน
- โดยรวมแล้วเป็นเบาะที่ดี แต่ไม่ถึงกับประทับใจ
- วัสดุหุ้มเบาะดูดี โดยเฉพาะการเดินด้านแดงเส้นคู่ตัดขอบ ชอบมาก
- รูปร่างของเบาะที่เปลี่ยนไปทำให้ต้องปรับท่านั่งใหม่ ซึ่งการหาจุดสมดุลของท่านั่งใหม่ก็ไม่ง่าย ใช้เวลาพักใหญ่ๆกว่าจะหาเจอ
- ท่านั่งใหม่จะต้องก้มตัวมากกว่าเบาะเดิม ลักษณะคล้ายรถสปอร์ท (แต่ก้มไม่มากเท่า)
- เบาะตัวนี้ไม่ได้นิ่มกว่าเบาะเดิม เพราะใช้เนื้อวัสดุตัวเดียวกัน แต่หนาขึ้น
- การที่เบาะหนาขึ้น ทำให้ความสูงของเบาะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย ใครสูงไม่ถึง 170 ซม. อาจยืนได้ไม่เต็มเท้า
- ถ้าถามว่าคุ้มมั๊ย กับราคาค่าตัวร่วมหมื่น ... อืมมมม ... อันนี้ตอบยากนะ เพราะขึ้นกับลักษณะการใช้งาน สรีระของแต่ละคน
และความชอบส่วนตัวด้วย ซึ่งถ้าถามผม ก็ คงไม่ฟันธงแนะนำ เพราะไม่ถึงกับประทับใจ แต่ก็ไม่ถึงเสียดายเงิน เพราะข้อดี
ของมันก็มีอยู่เยอะ ซึ่งถ้าให้เลือกระหว่างเบาะเก่า กับ เบาะตัวนี้ ผมก็คงเลือกเบาะตัวนี้ (จากที่ลองใช้งานสลับไปมาเพื่อเปรียบเทียบ)
ขอบคุณที่ติดตามครับ