: รูปลักษณ์โดยทั่วไป และมิติรถเมื่อเทียบกับคนขี่
สำหรับรถ X Diavel นั้น น้ำหนักตัวอยู่ที่ 247 กิโลกรัม สำหรับผม ก็ไม่ได้หนักเกินไปครับ ยังสามารถ เข็นรถเดินหน้าถอยหลังได้ปกติ ตัวรถจะออกไปทางเตี้ย ๆ หนา ๆ นะครับ ถามว่าสวยมั้ย เท่าที่ผมเจอมา ประมาณ 60% ครับ ที่บอกว่าสวย ส่วนอีก 38% บอกว่า สวยมาก ๆ ๆ ๆ ๆ แต่ครับแต่ มีอีก 2% ที่ผมเคยเจอมา เค้าบอกว่า รถทรงนี้ ไม่สวยครับ ซึ่งเรื่องของรูปร่างหน้าตานั้น ก็นานาจิตตัง แล้วแต่เพื่อน ๆ จะมองนะครับ แต่ที่แน่ๆ เชื่อว่าวิศวะกรโรงงานที่ทำการออกแบบรถรุ่นนี้มา เค้าตั้งใจออกแบบมาอย่างละเอียดปราณีตสุด ๆ แน่ครับ ไม่เชื่อเดี่ยวตามดูรูปไปเรื่อย ๆ จะเห็นรูปใต้เบาะที่ผมเปิดและถ่ายไว้ครับ ไปลองดูครับ ว่ามันเนี๊ยบขนาดไหน รูปลักษณ์ภายนอกล้อหน้า alloy ขนาด 3,5"x17" ยาง Pirelli Diablo Rosso II, 120/70 ZR17
เบรคหน้าจานขนาด 2 x 320 mm (12,60 in) พร้อมปั๊มเบรค Brembo M50 callipers และ ABS
หม้อน้ำขนาดใหญ่ พร้อมลายคาร์บอนเท่ห์ๆ ครับ ช่วยเรื่องความร้อนได้มากจริงๆ รวมถึงองศาของพัดลมในการเป่าลมร้อนก็เปลี่ยนไป จะเป็นยังไง เดี๋ยวตามต่อในช่วงทดลองขี่จริงด้านล่างนะครับ
สำหรับโช๊คหน้านั้น เป็นup side down แบบปรับได้ทั้งค่ารีบาว และคอมเพรสช่น ที่หัวเลยครับ ขนาด 50 mm (Ø 1,97 in)
บริเวณ พักเท้าหน้า พร้อมระยะที่สามารถปรับความใกล้ ไกล ได้ครับ
อีกมุมหนึ่ง
โครงถัก (เฟรม) Tubular steel Trellis frame อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของดูคาติ ที่ยังคงไว้
ฝาถังน้ำมันแต่ง จาก RSD ให้มาในตัว S ครับ
เบาะนุ่ม ๆ (คือนุ่มจริงๆครับ) ทรงเข้ากับตัวรถ พร้อมติดป้ายแท็ก X DIAVEL
เครื่องยนต์ Testastretta DVT 1262 ให้กำลัง 156 hp (114,7 kW) @ 9500 rpm
และ Torque95,0 lb-ft (128,9 Nm) @ 5000 rpm
กัดลายตัดเงา ๆ โชว์ความอลังการ เสริมจุดเด่นและทำให้รถคันนี้ดูเป็นศิลปะมากจริงๆครับ
เมื่อดูรวม ๆ
ปลายท่อ Termicnoni เข้ากับรถมากครับ ไม่เทอะทะยื่นออกมาเหมือนรุ่นก่อน ทำให้ไม่บังล้อ และทำให้โดยรวมดูลงตัวครับ
ล้อหลัง alloy, ขนาด 8,00" x 17" มาพร้อมกับ ยาง Pirelli Diablo Rosso II 240/45 ZR17 จะสังเกตุได้ครับ ว่าจุดเด่นของรถรุ่นนี้ตั้งแต่ดั้งเดิม และผมก็เชื่อว่าหลายคนที่ออกรถรุ่นนี้มาก็เพราะสาเหตุนี้ นั่นคือ ยางหลังขนาด 240 นี่ละครับ มันใหญ่โต อลังการซะเหลือเกิน
โช๊คหลังที่ให้มาเป็นของ sachs ครับ สามารถปรับ preload and rebound ได้ครับ
ไฟเบรค สวย ๆ ทั้งยามติดเครื่อง หรือยามกดไฟเบรค เป็นเอกลักษณ์หนึ่งของรุ่นนี้ครับ สำหรับไฟที่เรียงตามแนวยาวลงไปครับ
มาถึงสวิงอาร์มเดี่ยว และจุดเด่นอีกอย่างของรถคันนี้ครับ นั่นคือ สายพาน ซึ่งก็ดูลงตัวดีนะครับ ส่วนเรื่องการรีวิวความรู้สึกในการขับขี่เมื่อใช้สายพานทั้งเรื่องการออกตัว เสียง ความนุ่มนวลนั้น อดใจรอด้านล่างครับ มีรีวิวแน่นอน
เปิดใต้เบาะมานั้น แสนจะเนี๊ยบ เก็บงานสะอาดมากครับ (และก็ท่าทางจะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่เองยากด้วย)
พื้นที่ทุกส่วน ถูกใช้อย่างคุ้มค่า ยัดทุกอย่าง แน่นเอียด แต่ก็หมดจด
ใต้เบาะที่นั่ง ติดแผ่นฟอย กันความร้อนไว้ด้วยครับ
ปุ่มกด ด้านขวามือครับ ก็จะมีปุ่มสตาร์ทรถ (กุญแจwireless) และปุ่มล็อคกันสตาร์ท รวมถึงด้านหลังคือ ปุ่ม Ducati Power Launch (DPL) ครับ
ภาพตอนยังไม่สตาร์ทรถ
พอสตาร์ทรถ จะมีไฟสวยๆ ด้วยครับ
ปุ่ม Ducati Power Launch (DPL) แอบอยู่ด้านหลัง
มาดูปุ่มกดด้านซ้ายมือกันบ้าง ก็จะมีปุ่มสำหรับกดเลือกโหมดหน้าจอต่าง ๆ และปุ่ม Cruise Control (ระบบCruisecontrolผมจะรีวิวด้านล่างครับ)แตร และปุ่มปรับไฟหน้า LED Daylight สว่างมากครับ
ตอนยังไม่สตาร์ท
พอสตาร์ทรถ จะมีไฟสวยมากครับข้างนี้ มองไปเหมือนเครื่องหมาย X ตามคอนเซ็ปรถ
ปุ่มปรับไฟหน้า และไฟสูง
มิติรถ กับคนขี่
มาถึงเรื่องของความสูงกันบ้างครับ ซึ่งรถทรงครุยเซอร์นั้น ปกติจะเน้นมาให้นั่งสบาย และไม่สูงมากอยู่แล้ว ดังความสูงเบาะของเจ้าX Diavel นั้น อยู่ที่ 755 มิลลิเมตร ครับ เมื่อเทียบความสูงกับผม ซึ่งเป็นคนขี่ สูง 174 ซม. ก็ทำให้เป็นรถที่มั่นใจในการวางเท้าเสมอครับ
คนขี่สูง 174 ซม.
ตอนยกขา ก็ยังถึง สบาย ๆครับ
วางเท้าเต็มดี
ตอนจอดครับ
Dashboard
มากล่าวถึงหน้าจอแสดงผลสักนิดครับ จากรุ่นก่อนนั้น ทางไดเวลก็ให้หน้าจอสี TFT screen มาอยู่แล้ว แต่หน้าจอคราวนี้ มันน่ารักมากครับ มีปรับฟังชั่นหน้าจอได้หลากหลายแบบ โดยจะเห็นได้ว่า หน้าจอDashboard นั้น แยกส่วนกับ ไฟเตือนต่าง ๆ นะครับ เรามาดูกันครับ
ภาพนี้ คือไฟเช็คระบบ ตอนสตาร์ทเครื่อง และโหมดการขับขี่ครับ ซึ่งแทบจะเป็นมาตรฐานไปแล้วกับโหมดขับขี่ในรถดูคาติรุ่นใหม่ ๆ ต้องมี เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้สะดวกขึ้นครับ โดยเฉพาะเวลาออกทริป ที่พอเราขี่ตรงยาว ๆ เราอาจใช้โหมดSports แต่พอเจอฝนตกกระทันหัน หรือ วิ่งลงเขา เราก็เปลี่ยนมาเป็นโหมด Urban นี่ โอ้โห สะดวกมาก และสบายมากครับ มั่นใจขึ้นสุดๆ เลย (ผมใช้ประจำ)
เวลาเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลหน้าจอ เราต้องเข้าไปที่ Info Mode นี่ละครับ
หน้าจอ การ Paring Bluetooth สามารถรับสาย และแสดงผลผู้โทร บนหน้าจอรถมอเตอร์ไซค์ได้เลยครับ
หน้าจอ DRL Control(DRL คืออะไร เดี๋ยวจะกล่าวโดยละเอียดด้านล่างนะครับ)
หน้าจอ ตั้งค่ารถให้เป็นแบบที่เราต้องการครับ เช่น อุณหภูมิ ค่าวัดความเร็ว อัตราการกินน้ำมัน
สามารถเปลี่ยนสีหน้าจอ สำหรับการใช้งานกลางวัน และกลางคืน โดยตั้ง ออโต้ได้ครับ
กลางวัน หน้าจอขาวสว่างครับ
ถ้ากลางคืน แสงภายนอกน้อย หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นดำ เพื่อความสบายตาครับ
หน้าจอ Info Service นี้ ผมชอบมาก มีขึ้นเพื่อเตือนผู้ขับขี่เข้าเช็คระยะตามกำหนดครับ