ตัวเล็กแต่ของใหญ่ !! บทพิสูจน์ 2 ปี Scrambler มีดีมีร้ายหลากหลายไปดูกัน

 

เปิดตัวให้ผู้ใช้รถจากทั่วโลกได้จับจองเป็นเจ้าของกันมาแล้วกว่า 2 ปี สำหรับรถสไตล์สนุก ขี่มันส์อย่างเจ้า Ducati Scrambler ซึ่งก่อนหน้านั้นในช่วงเริ่มต้น กับราคาที่เปิดตัวมาสามแสนปลาย ๆ ทำเอาหลายคนหันมามองและสนใจจะเป็นเจ้าของกัน โดยบทความนี้ ผมจะรีวิวถึงวิถีของไบเกอร์สาย Scrambler ในไทย พร้อมทั้งรีวิวการขับขี่ท่องเที่ยวไปกับงาน 8080 Run & Sun ที่จัดขึ้นที่สัตหีบเมื่อวันที่ 20-21 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ไปพร้อมๆ กันนะครับ และถึงแม้ผมเองอาจจะไม่ได้มีเจ้า Scrambler ไว้ในครอบครอง แต่ผมเองก็อยู่ในกรุ๊ป Ducati Scrambler Club Thailand ตั้งแต่เริ่มต้น ผ่านมิตติ้งและได้พบปะพูดคุยกับเพื่อน ๆ มาหลายท่าน ก็ขออนุญาตเป็นสื่อกลางในการประมวลภาพรวมความเป็นไปของรถ Scrambler ในไทยให้ทุกท่านได้รับฟังแบบสนุก ๆ กันนะครับ

บทความนี้ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆชาวไบเกอร์ที่กำลังมอง หรือสนใจในรถ Scrambler ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือสองก็ตาม หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเลือกแบรนด์ดูคาติ ไม่มากก็น้อย นะครับ

Special Thank : รถ Scrambler ที่ผมขอยืมมาขี่ในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทาง BIKERS ไว้ด้วยนะครับ

สนใจพาร์ทแต่งของ Ducati Scrambler คลิ๊ก เลยครับ

กับทริป 8080 เราเริ่มต้นเช้าวันเสาร์ในช่วงที่มรสุมกำลังเข้า น่าหวั่นไหวมากครับ แต่ก็นะครับ ทะเลและความสนุกกำลังเรียกหาเราอยู่ จะปล่อยตัวนั่ง ๆ นอน ๆ หลบฝนอยู่กับบ้าน ก็เสียโอกาสที่จะเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ เติมให้กับชีวิต  อย่ากระนั้นเลย เตรียมเสื้อฝนให้พร้อม แล้วแบกเป้ ลุยกันครับ สนุกแน่นอน

กลุ่มเพื่อน ๆที่ไปกัน จริง ๆ รวมทุกรุ่นของดูคาตินะครับ แต่กรุ๊ป Scrambler ดูจะเคมีตรงกัน กับงานแนว ๆ Flat track แบบนี้ เลยมาเยอะหน่อย ไปไหนไปกัน ค่ำไหนนอนนั่น

โดยผมจะขอแบ่งหัวข้อการรีวิวดังนี้นะครับ

  • ภาพลักษณ์ตัวรถ และมิติเทียบกับผู้ขับขี่
  • เทคโนโลยีที่มีในตัวรถ
  • การขับขี่ในเมือง / ต่างจังหวัด และความร้อนของเครื่องยนต์
  • ข้อดี / ข้อเสีย ของรถคันนี้
  • บทวิเคราะห์แง่มุมต่าง ๆ ของ Scrambler
  • สรุปไบเกอร์สไตล์ไหนควรจะมีไว้ซักคัน

ภาพลักษณ์ตัวรถ และมิติรถ

ภาพลักษณ์ของรถรุ่นนี้ ทางดูคาติต้องการสื่อออกมาให้เป็นรถที่ขับขี่ง่าย ใช้งานได้ทุกวัน และสามารถตกแต่งหน้าตา ให้รถบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของตัวผู้ขับขี่ให้มากที่สุดครับ ด้วยสเตอร์หน้าคือ 15 ฟัน และสเตอร์หลัง คือ 46 ฟัน ทำให้รถ Scrambler มีอัตราเร่งสูง ทอร์คหนัก เหมาะอย่างมากสำหรับการขับขี่ในเมือง เกือบร้อยทั้งร้อยใครที่ยังไม่ชินมาลองขี่รับรองว่า หน้าหงายเงิบแน่นอน ขนาดผมเองที่เคยขี่มาหลายครั้งแล้ว แต่ด้วยความที่ไม่ได้ใช้ตลอดรู้ทั้งรู้ว่าถ้าเปิดแรงจะเงิบและระวังแล้ว ยังมีหลายจังหวะที่บิดหน้าหงายเลยครับ (แฮ่)

  • บนซ้าย กระปุกน้ำมันเบรคครับ ส่วนด้านครัช จะเป็นครัชสายไม่มีกระปุกน้ำมันมาให้ ข้อดีคือดูแลได้ง่ายกว่า เวลาเดินทางไกล แค่เตรียมสายครัชไปเผื่อขาดก็พอครับ
  • บนขวา มือครัชสาย จากการทดลองบีบแล้วไม่แข็งนะครับ และสามารถปรับระดับได้ด้วย
  • ล่างขวา กันล้มกลางเครื่อง ยึดแข็งแรงด้วยขายึด 2 จุด ทั้งรูน็อตกลางเฟรมและแถมด้วยขายึดที่ตัวเฟรมใช้งานได้จริง

  • บนซ้าย จุดยึดกระบอกป้ายภาษีงามๆ พอเหมาะพอเจาะ
  • ภาพใหญ่ เกียร์โยงที่สามารถปรับองศาได้ เพื่อตอบสนองการใช้งานทั้งการขี่ท่องเที่ยวและขี่ในสนาม

  • บนซ้าย ล้อแม็กหน้าของรถ Ducati Scrambler รุ่น Full Trottle
  • ล่างซ้าย ก้านครัช Bikers ที่เว้นร่องหยักไว้ให้ เพื่อเวลารถล้มไม่ว่าจะล้มสไลด์หรือแค่ล้มแปะ ก้านครัชจะได้หักเฉพาะส่วนปลายและยังสามารถขับขี่ต่อได้(มีประโยชน์มาก)
  • กลางขวา ล้อลุย ๆ สไตล์ Scrambler ซึ่งยังเกาะถนนได้ดี เหมาะกับหลายสภายถนน

 

ผมเอง สูง 174 เซ็นติเมตรครับ ถามว่านั่งเป็นอย่างไรบ้าง ต้องบอกว่า เป็นสุขมากครับขาถึงสบาย ๆ กับความสูงเบาะมาตรฐานที่ 790 เซ็นติเมตร (และสามารถติดตั้งเบาะLow Seat สูง 770 เซ็นติเมตรได้อีก) นั้นขาถึงสบายๆ จอดรถ กลับรถคล่องแคล่วครับ ทำให้คลายข้อจำกัดในการใช้งานในเมือง เป็นรถที่ลุยได้หลากหลายมากๆครับ

ท่านั่งนั้น สบายมากครับ ด้วยความที่แฮนด์บาร์ออกแบบมากว้างและสูง การวางมือวางแขนจึงค่อนข้างสบาย คนตัวเตี้ยขี่ได้คล่องครับ ไม่ลำบากแน่นอน

เทคโนโลยีในตัวรถ

สำหรับรถ Scrambler นั้น คาแรคเตอร์การออกแบบเน้นให้ใช้งานได้ง่าย ใช้งานได้จริงในทุก ๆ วันครับ ซึ่งแน่นอน ว่า การใส่เซ็นเซอร์ต่าง ๆ เข้ามามากๆ รถก็จะมีโอกาสเสี่ยงกับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่จะทำงานผิดเพี้ยนได้มากเช่นกัน ดังนั้น สรุปคือ Less, but Better ครับ คือ ของให้มาน้อยแต่มีความเสถียรสูงครับ เท่าที่ดูก็จะมีเกี่ยวกับระบบเบรคที่ให้ ABS ติดเป็น Standard มาเลย พร้อมปั๊มเบรค Brembo ทั้งหน้า-หลัง นะครับ กับมีช่องเสียบ USB ชาร์ตไฟได้ที่ใต้เบาะหลังรถครับ

ขี่เป็นกลุ่มสนุกกว่า : กลุ่ม Ducati Scrambler Club Thailand ร่วมออกทริป 8080 Run & Sun

การขับขี่ในเมือง / ต่างจังหวัด และความร้อนของเครื่องยนต์

ในเมือง สนุก คล่องแคล่ว ไปได้สบาย ขี่ช้า ๆ มีเงิบ : นี่คือ นิยามของรถ Scrambler ที่ผมคิดได้ เมื่อคิดถึงตอนขับขี่มันในกรุงเทพมหานครที่ ๆ รถติด ๆ ครับ กับท่านั่งสบาย ๆ แฮนด์บาร์กว้าง ทำให้การเลี้ยวรถทำได้ง่าย ฐานล้อไม่กว้าง เวลามุดรถติดถือว่าสบายครับ เพียงแต่อาจจะขัดใจกระจกข้างส่องหลังอยู่บ้างที่มันสูงกว้างพอสมควร ซึ่งอาจติดขัด หรือไปกระแทกกับรถคันอื่นได้หากเรายังกะระยะความกว้างได้ไม่ชินนะครับ  และแน่นอนขี่ไปติดไฟแดงตรงไหน คนก็มอง หล่อ ๆ เลยครับ (เป็นปลื้ม)

ปัญหาหนึ่ง(อาจไม่ใช่ปัญหาของทุกคน) นั่นคือเวลาที่เจอรถติดชะลอ ๆ ขี่ช้า ต้องระวังการเปิดคันเร่งนิดนึงครับ เพราะถ้าเสียสมาธิเผลอบิดมากเกินไป เครื่องยนต์จะดีดรถแรงมาก หน้าเงิบได้ครับ (ผมเป็นหลายทีละ) แต่ถ้าขี่จนชิน และมีเทคนิคการจับแฮนด์บ้าง ปัญหานี้ก็จะหายไปครับ

ระหว่างติดไฟแดงแถวตลาดรถไฟศรีนครินทร์ ขี่กับพี่น้องกลุ่ม 8080 สนุกมาก

นอกเมือง เร่งไปได้อีก แต่… ลมโครตแรง : ตามนั้นละครับ สำหรับการขี่นอกเมือง กับรถที่ออกแบบมาให้ขี่สนุกกับอัตราเร่งเป็นหลัก แน่นอนว่า “ปลายหาย” ครับ มีเพื่อน ๆ ในคลับเคยทดสอบ Top Speed ของรถคันนี้ ทำได้ที่ 174 Km/Hr ซึ่งก็ถือว่ามากเกินพอแล้วครับ สำหรับรถสไตล์เน็คเคต เปลือย ๆ แบบนี้ เพราะลมที่ปะทะร่างกายนั้นแรงมาก ๆ ครับ  ความเร็วที่เหมาะสมสุดกับการวิ่งยาวๆ ออกทริป แล้วไม่เหนื่อย สำหรับผมคิดว่าน่าจะประมาณ 120-130 Km/hr เท่านั้นเองครับ มีหลายจังหวะที่ลองซัดไปที่ 150 Km/Hr ปรากฎว่าลมที่พัดปะทะตัวและหมวกแรงมาก ๆ ต้องใช้สมาธิสูงขึ้นและเริ่มขี่ไม่สนุกแล้วครับ กลับมาขี่ชิว ๆ เรื่อย ๆ ตามคาแรคเตอร์รถ ดีที่สุดครับคันนี้ 

ความร้อนเครื่องยนต์ ยังร้อนอยู่ แต่.. : ความร้อนกับรถดูคาตินั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนกล่าวขวัญถึงว่ามันสุดจะทนนะครับ และใช่ครับ ในหลาย ๆ รุ่นเช่นพานิกาเล่ ถ้าขี่รถติดกลางวันในเมืองหลวง รับรองว่าใช้คำ ๆ นี้ไม่เกินไปเลยครับ แต่สำหรับ Scrambler แล้ว ต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ความร้อนเป็นมิตรกับอากาศเมืองไทยเป็นอย่างมาก (เมื่อเทียบกับดูคาติรุ่นอื่น ๆ ) ผมไม่ได้บอกนะครับว่ามันไม่ร้อน มันยังมีความร้อนแผ่อออกมาเยอะอยู่ครับ แต่ผมเชื่อว่าทนได้แน่นอน เห็นพี่ในคลับบางท่านใส่ขาสั้นแล้วด้วย ผมนี่ยอมรับใจแกจริง ๆ ครับที่ไม่กลัวขนหน้าแข้งไหม้(ฮา)

ขี่ออกทริป แม้แดดจะร้อน แต่ลมพัด เครื่องเย็น ชีวิตก็เย็นเช่นกันครับ

ข้อดี / ข้อเสีย ของรถคันนี้

    ข้อดี

  • เครื่องยนต์ค่อนข้างเสถียร ปัญหาไม่ค่อยมี ผมอยู่ในกรุ๊ป Scrambler มาสองปี กับผู้ใช้งานจริงกว่า300 ท่าน เท่าที่อยู่มารถไม่ได้มีปัญหาใด หนักขนาดเป็น Defect จากการผลิตครับ
  • ค่าบำรุงรักษาถูกสุด (เมื่อเทียบกับดูคาติรุ่นอื่นๆ) สิ่งนี้เป็นเรื่องนึงที่ต้องให้ความสำคัญจนเก็บมาเป็นข้อดีของรถรุ่นนี้ เพราะเราสามารถขี่ ๆ ๆ ๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงเลขไมล์ที่เพิ่มขึ้นว่าจะทำให้ต้องจ่ายค่า Maintenance สูงนะครับ
  • เพื่อนตรึม มีเพื่อน ๆ พร้อมขี่ด้วย ออกทริปด้วย มิตรภาพมากมาย จะสายนั่งชิวขี่เที่ยวรอบดึก หรือสายกาแฟขี่เช้านัดพบปะประสาคอกาแฟ ก็มีให้ทุกท่านได้เลือกสรร รับรองว่าออกรุ่นนี้มา ไม่มีเหงาครับ
  • คาแรคเตอร์รถ พร้อมให้เราตกแต่งฉีกแนวไปในทางที่เราชอบ และมีของแต่งสนุก ๆ มากมายที่บ่งบอกความเป็นตัวเรา เช่น เบาะหนัง ล้อ ยาง แผงข้าง ไฟหน้า โอ้ย อีกเยอะแยะครับ แถมราคาไม่แพงด้วยสิ
  • ซื้อง่าย ขายคล่อง ราคาตกไม่มาก คือถามว่าตกไหม ออกรถมาใช้ยังไงก็ราคาตกครับ แต่รุ่นนี้เนื่องจากราคาเริ่มต้นมันไม่แพงมาก เวลาขายต่อ จึงมีคนสนใจรอซื้อมากมายราคาไม่ตกเท่าไหร่คับ
  • บิดสนุก ในเมืองนี่ อัตราเร่งแซงต่าง ๆ จาก 0 – 100 สนุกมากครับ รับรองเลยให้ตายสิ

    ข้อเสีย

  • ถ้าชอบขี่ออกทริป ? มันยังไม่ใช่นะ .. ผมว่าการใช้รถ Srambler ออกทริป ต้องเตรียมหลายสิ่งอย่างมากมาย และตัวรถเน้นขี่สนุก ในเมืองเป็นหลัก อย่างแรกเลยคือ กระเป๋าติดถังต่าง ๆ ต้องหามาใส่ครับ และเรื่องของลมที่ปะทะเวลาขี่ทางไกล ค่อนข้างแรงมาก แต่ก็นั่นละครับ ถ้ารถออโต้ 110 cc ยังออกทริปทางไกลไปถึงแชงกรีล่าได้ จริงๆ แล้ว ถ้าใจคุณถึง Scrambler ก็พาคุณไปได้ทั่วโลกล่ะครับ
  • สืบเนื่องจากข้างบนครับ คือ ขี่ทางไกลถ้าใช้ความเร็วสูงจะเหนื่อยมาก เนื่องจากลมปะทะแรงสุด ๆ แต่ถ้าขี่ 120 km/hr ก็เยี่ยมครับ
  • อะไรอีกดี จริงๆก็ไม่มีแล้วนะครับ เอาเป็นว่ารถมันมีคาแรคเตอร์แบบที่มันเป็น ถ้าเราใช้ถูกประเภท หรือใช้ผิดประเภทแต่เรายอมรับสมรรถนะที่จำกัดในบางเรื่องของมัน มันก็พาเราไปได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอนครับ

 

บทวิเคราะห์แง่มุมต่าง ๆ ของ Scrambler

ปัญหาเรื่องค่าService หมดไป(สักพักนึง)

เรื่องแรกที่น่ากล่าวถึงเป็นอย่างยิ่งสำหรับ รถ Scrambler ที่ผ่านมานั้นคือ เรื่องการเข้ารับบริการเซอร์วิสรถครับ หลังจากที่รถส่งมอบออกมาเรื่อย ๆ ก็ถึงคราวที่ท่านเจ้าของแต่ละท่านจะต้องเข้าเช็คบำรุงรักษาตามระยะทางที่กำหนด ซึ่งสำหรับคนที่ออกรถ Scrambler ช่วงแรก  ๆ นั้น จะได้รับแคมเปญ Worry Free ที่เจ้าของรถไม่เสียค่าใช้จ่ายประกัน 4 ปีหรือ 30,000 กม. ทั้งค่าอะไหล่ ค่าเข้ารับบริการตามกำหนด รวมถึงค่าแรงช่าง (ยกเว้นยางและ แบตเตอรี่) ซึ่งเมื่อถึงเวลาเข้ารับบริการจริง ๆ แล้วไม่ต้องจ่ายสักบาท มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆครับ

มุมมองของรถ Scrambler ในไทย แตกต่างจากต่างชาติ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เห็นได้เด่นชัดครับว่ามุมมองของรถscrambler ในไทยนั้น จะมองว่าเป็นรถสายคัสต้อม คาเฟ่ ตัดแต่ง ให้สนุก ตามสะใจตนเองให้สมกับนิยามที่ว่า Scrambler you are แต่สำหรับต่างชาติจะมองรถ Scrambler ว่าเป็นรถที่สนุกสนาน ให้ความบันเทิงใช้ได้บ่อย ถึก ทน อยากไปไหนก็ไป อิสระเสรีเป็นที่สุด ตามสไตล์รถยุคค.ศ.  1962 ที่ Scrambler ถือกำเนิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาในยุคเสรีชน

ยังมีอีกหลายจุดออกอาการเสีย แม้จะอยู่ในระยะประกันก็ตาม

เป็นเรื่องปกติของรถสองล้อที่นำเครื่องยนต์ขนาด 800cc มายัดลงในเฟรมเล็ก ๆ พร้อมแรงสั่งสเทือนและความร้อนต่าง ๆ อีกมากมายที่มากระทำกับรถนะครับ รถแต่ละคันย่อมต้องมีปัญหาต่างกันไป ผมรับรองว่าไม่มีใครที่ขี่รถมาครบ 1 ปีแล้ว รถไม่มีปัญหาอะไรสักอย่างเลย ดัง Scrambler นี้ก็เช่นกัน มีครับ ปัญหาที่หลายคันเจอ หลัก ๆ เลยนั่นคือเรื่องของ “ครัชหมด”!! อาการคือขี่ๆเข้าเกียร์แล้วเร่งไม่ออก เกียร์ไม่จับผ้าครัช ต้องเปลี่ยนครัชครับ ซึ่งบ้างก็ว่าอาจเกิดจากคนขี่เอง ที่ตั้งระยะครัชไม่ดีแล้วขี่เลียครัชมาตลอดจนครัชหมด บ้างก็ว่าเกิดจากการประกอบรถของโรงงาน เรื่องนี้ เกิดขึ้นกับหลายคันครับ แม้สุดท้ายทุกคันจะแก้ไขไปได้ด้วยดี และขี่ต่อได้ แต่ที่เอามาบอกเพราะว่ามันก็พอมีปัญหาในหลายๆคันให้เห็นตามจริงครับ

ชนกลุ่มน้อย แต่ก็เหนียวแน่น

หลายท่านที่ไม่ได้ใช้ Scrambler ชอบถามผมครับ ว่ารถรุ่นนี้มันไปขี่กันอยู่แถวไหนหมด ทำไมไม่เห็นจะมีวิ่งตามท้องถนนเลย ผมก็ว่าจริงครับ ถ้าไม่นับที่นัดเจอกันตามมิตติ้งต่าง ๆ แล้ว รถ Ducati Scrambler ถือว่าพบเจอบนถนนนับครั้งได้กันเลยทีเดียว แต่แม้จะไม่ได้ขายยอดทะลุเป้าอย่าง Ducati Monster แต่รถรุ่นนี้ก็มีคาแรคเตอร์ ความสนุกในแบบตัวเอง และมีเพื่อน ๆ หลายคนเลือกใช้มันเป็นสองล้อคู่ใจครับ สังคมชาว Ducati Scrambler ในไทย ผมรับรองว่า เข้มแข็ง มิตรภาพล้นเหลือครับ

สรุปไบเกอร์สไตล์ไหนควรจะมีไว้ซักคัน

มันอาจจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวไปสักนิด แต่สำหรับผมผมมองว่าผู้ที่เหมาะสมกับรถคันนี้ มีสองแบบครับ

  1. คนที่พึ่งจะขี่รถบิ๊กไบค์เป็นคันแรก  แม้เครื่องยนต์จะมีขนาดถึง 803 cc. แต่ด้วยท่านั่งและการองศาการวางมือต่าง ๆ นั้น แสนสะดวกสบาย ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ขี่รถเร็ว ต้องการความฟินเวลาลมพัดผ่านหน้าไป และมีอิสระในการขี่บนท้องถนน แถมวิ่งในเมืองก็แทรกรถติดไปได้เรื่อย ๆ พร้อมความสนุกกับแรงบิดดึงๆ มือ ถ้าไม่ระวังมีเงิบแน่นอน รถคันนี้ก็พร้อมจะพาคุณพบกับประสบการณ์สนุก ๆ เหล่านี้ได้ไม่ยากครับ
  2. คนที่มีรถใหญ่อยู่แล้วกำลังหารถขนาดกลางที่ขี่สนุกไว้ขี่พบปะเพื่อนในเมือง บางท่านที่เลือกเป็นเจ้าของ Scrambler นั้น ไม่ได้เลือกเพราะเป็นรถที่ขี่ง่าย  แต่เลือกเพราะเป็นรถที่มีคาแรคเตอร์ของตัวเองสูง นำมาตกแต่งงานคัสต้อมก็สวย ยิ่งปัจจุบันมีของแต่งของรถ Scrambler ออกมามากมายจากสำนักแต่งทั้งในไทยและต่างประเทศ สรรหามาใส่ และขี่ไปกินข้าว ทานกาแฟ นัดมิตติ้ง รถบางคันไม่ได้เกิดมาไว้ให้ลุยสมบุกสมบัน แต่นำมาแต่งเติมให้แทนตัวเราแล้วนำออกสู่สังคม มันก็ให้ความสุขแก่เจ้าของได้มากมายเช่นกันครับ

สรุปแล้ว  ถ้าคุณหารถใช้งานในเมืองสนุกๆสักคัน นานๆ ครั้งก็ขี่ออกทริปออกต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ ได้(กลุ่มที่ขี่ควรความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน 150 ไม่งั้นเหนื่อยครับ) แถมชอบแต่งตัว ใส่เบาะตัดท้าย ติดไฟสปอร์ทไลค์หรืออะไรก็ตามที่ทิ้งรูปแบบรถเดิม ๆ ทิ้งไป  ผมเชื่อครับว่า รถคันนี้ ตอบโจทย์คุณได้แน่นอน ถ้าคุณรักในแบรนด์ Ducati และชีวิตคุณไม่ได้รีบเร่งมาก อยากหารถสักคันที่นั่งแล้วสบายไม่ปวดหลัง ราคาไม่แรง ค่าบำรุงรักษาไม่สูง Ducati Scrambler คันนี้จะทำให้ชีวิตคุณสนุกมากกว่าที่เป็นอยู่ แน่นอนครับ !!

 

สนใจเข้ากรุ๊ปไลน์ Ducati Scrambler Club Thailand ทักLine มาได้ที่

Line Id: diavel1200 ขอเฉพาะคนที่มีรถขี่แล้วเท่านั้นนะครับ

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *